สุรากับสุขภาพมักสวนทางกันเสมอ แต่ใช่ว่าจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะเราไม่จำเป็นต้องโบกมือลาเกลอเก่าอย่างแอลกอฮอล์ถาวร เมื่อนักโภชนาการชื่อดังอย่าง ดร.คริส มอห์ร (Chris Mohr) ผู้แต่งตำราเพื่อการศึกษามากมาย รวมถึงเว็บไซต์ด้านโภชนาการอย่าง www.mohrresults.com ได้แนะนำวิธีการดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำลายสุขภาพน้อย เพราะส่วนตัวเขาเองก็ดื่มเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเบียร์ เบอร์เบิน และไวน์แดง ไม่ได้เลิกไปเสียทีเดียว ดังนั้นสำหรับคนที่ดื่มอยู่แล้ว หากคุณเลิกเหล้าได้นับเป็นเรื่องดี แต่สำหรับคนที่ไม่ได้อยากเลิก เพียงแต่อยากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มเพื่อไม่ให้สุขภาพเลวร้ายลง บทความชิ้นนี้เหมาะสำหรับคุณ และเหล่านี้คือ 4 คำแนะนำจากนักโภชนาการที่คุณสามารถปรับใช้ได้เป็นอย่างดี
ยืนยัน ไม่มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่ปลอดภัย
ก่อนหน้านี้เราเคยเข้าใจว่าการดื่มเหล้าในปริมาณที่เหมาะสมคือ 2 แก้วต่อวันสำหรับผู้ชายและ 1 แก้วต่อวันสำหรับผู้หญิง ถือเป็นตัวเลขที่ปลอดภัยหายห่วง แต่ปัจจุบันมีผลการวิจัยล่าสุดที่ออกมาเมื่อปีที่แล้ว ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ‘ไม่มีปริมาณที่ปลอดภัยของการดื่มแอลกอฮอล์’ (คลิกอ่านได้ที่นี่) ดังนั้นหากจะดื่มก็ต้องน้อมรับความเสี่ยง นอกจากนี้ในเครื่องดื่มจำนวนมากโดยเฉพาะค็อกเทลยังอุดมไปด้วยน้ำตาลและแคลอรี หากการดื่มเหล้าทำให้ตับของคุณพัง การกินน้ำตาลปริมาณมากก็ทำลายรอบเอวของคุณให้เจ๊งได้เช่นเดียวกัน
หัดทำตัวเป็นนักดื่มที่ช่างเลือก
เพื่อลดความถี่ของการดื่ม มอห์รแนะนำว่าให้ลองทำตัวเป็นนักดื่มที่ช่างเลือกดูบ้าง คุณไม่จำเป็นต้องเลิกดื่ม เพียงแต่ควรเลือกวาระการดื่มที่คุ้มค่า อย่างเขาจะดื่มเฉพาะเครื่องดื่มที่ชื่นชอบ เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ และดื่มยามอยู่กับเพื่อนฝูงเท่านั้น ไม่มีวันที่จะนั่งดื่มคนเดียว ปริมาณที่ดื่มต่อครั้งเพียงเบียร์ 2 ยูนิตหรือเบอร์เบิน 1 แก้ว เต็มที่ก็ 2 วันต่อสัปดาห์ และไม่ดื่มผสมอย่างอื่นเพื่อลดปริมาณแคลอรีและน้ำตาลในมิกเซอร์
ดื่มคราฟต์เบียร์ต้องทำใจว่าอ้วนมากกว่า
สำหรับคอคราฟต์เบียร์ คำแนะนำของเขาอาจทำให้คุณสะดุ้งโหยง เมื่อคราฟต์เบียร์มักมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงกว่าเบียร์ทั่วไป เนื่องจากมี ABV (Alcohol By Volume) สูงกว่า (แต่ในเมืองไทยใช้คำว่า Alc.) และการที่มีแอลกอฮอล์สูงหมายความว่าแคลอรีต่อขวดก็จะสูงตามไปด้วย เช่น เบียร์ขนาด 12 ออนซ์หรือเบียร์ 1 กระป๋องเล็ก มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 9% ABV มอบพลังงาน 270 แคลอรี ในขณะที่เบียร์ยี่ห้อทั่วไปในขนาดเดียวกันมีปริมาณแอลกอฮอล์ 5% ABV ให้พลังงานราว 150 แคลอรีเท่านั้น
เตกีลาไม่ได้ช่วยลดน้ำหนัก
นี่คือเรื่องที่ต้องชี้แจงแถลงไข เพราะหลายคนดื่มเยอะขึ้นหลังสื่อกระจายข่าวว่าในเตกีลามีส่วนผสมของอะกาเว (Agave) ซึ่งเป็นน้ำตาลจากธรรมชาติ คุณสมบัติของอะกาเว ได้แก่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและลดน้ำหนัก แต่มอห์รได้โต้แย้งว่าอย่าได้ไปคาดหวังคุณสมบัตินั้นในเตกีลา เพราะมันหายไปตั้งแต่กระบวนการกลั่นแล้ว แต่เรื่องดีคือทั้งเตกีลา วอดก้า รัม และจิน ล้วนไม่มีคาร์โบไฮเดรต จึงไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ดี ตราบใดที่คุณดื่มเพียวๆ ไม่ผสมมิกเซอร์อื่นอย่างโทนิกหรือน้ำผลไม้ ดังนั้นจึงไม่ควรดื่มเตกีลาเพื่อหวังผลบวกทางสุขภาพ
ภาพ: shutterstock
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
