คดีใหญ่ที่สะเทือนวงการพระพุทธศาสนาเมืองไทยเวลานี้ คงหนีไม่พ้นกรณีการทุจริตเงินทอนวัด ที่ พ.ต.ท. พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้เร่งดำเนินการสอบสวนเอาผิด และก่อนหน้านี้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) นำกำลังตำรวจ ปปป. เข้าตรวจค้นผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีการทุจริตเงินทอนวัด 14 จุด ใน 7 จังหวัดมาแล้ว รวมทั้งบ้านของอดีต ผอ. สำนักพุทธฯ อีก 2 รายด้วย
ต่อมาเมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ต.ท. พงศ์พร ได้เข้ายื่นร้องทุกข์ต่อกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อกล่าวโทษต่อพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป ในคดีทุจริตเงินทอนวัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 แห่ง 4 คดี ประกอบด้วย
1. พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร
2. พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส.
3. พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 10
4. พระเมธีสุทธิกร (สังคม ญาณวฑฺฒโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
5. พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
ทั้งหมดถูกร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหากระทำความผิดอาญาคดี ทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (16 เม.ย.) พล.ต.ต. กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ บก.ปปป. ได้ส่งสำนวนทั้งหมด 4 สำนวน ที่มีพระชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวข้อง 5 รูปดังกล่าว ไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้วเมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ดังนั้นอำนาจการสอบสวนจึงอยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช. ที่จะต้องตรวจสอบต่อไป ส่วนกรณีของการฟอกเงินนั้นจะเป็นหน้าที่ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
สำหรับการดำเนินคดีทุจริตเงินทอนวัดครั้งนี้ถือเป็นลอตที่ 3 มีทั้งหมด 10 วัด พ.ต.ท. พงศ์พร แจ้งความดำเนินคดีแล้ว 3 วัด ส่วนอีก 7 วัดนั้น ได้มีการประสาน ผอ.พศ. มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในวันที่ 19 เมษายน ซึ่งจะเป็นคดีใหม่ บางประเด็นจะมีการเจาะลึกลงไปถึงงบประมาณในแต่ละวัดที่เหลือ ซึ่งไม่เกี่ยวกับ 4 สำนวนที่ส่งไปยัง ป.ป.ช. แล้ว
สำหรับคดีเงินทอนวัด เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีไปก่อนแล้ว 2 ลอต ลอตแรก บก.ปปป. ได้ส่งสำนวนการตรวจสอบกรณีการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์วัด ไปให้สำนักงาน ป.ป.ช. ไต่สวนแล้ว
ด้านนางสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. อธิบายว่า ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วย ป.ป.ช. 2542 พระสงฆ์ไม่อยู่ในอำนาจ ป.ป.ช. แต่ พ.ร.ป. ฉบับที่ผ่านความเห็นชอบสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีการแก้ไขให้พระสงฆ์อยู่ในอำนาจการพิจารณาของ ป.ป.ช.
ส่วนกรณีนี้ถ้าพระสงฆ์ร่วมกับอดีต ผอ.พศ. จะถือว่าเป็นการทำผิดร่วมกัน อยู่ในอำนาจ ป.ป.ช. หรือไม่ สุวณาบอกว่า ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด
สำหรับคดีเงินทอนวัดในปี 2560 ปปป. ส่งสำนวนให้ และ ป.ป.ช. รับเรื่องเองมีทั้งสิ้น 97 คดี มีการชี้มูลความผิดข้าราชการและคนทั่วไป ลอตแรก 4 ราย ลอตที่สอง 9 ราย ในจำนวนนี้ส่งให้อัยการสูงสุดฟ้องร้องดำเนินคดีแล้ว 9 ราย
อ้างอิง:
