×

ซีรีส์สารคดี Harry & Meghan กับเครื่องหมายคำถาม และความท้าทายที่สะเทือนราชวงศ์อังกฤษ

10.12.2022
  • LOADING...

ยังไม่ทันข้ามปีที่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงรับราชสมบัติเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ สถาบันกษัตริย์อังกฤษกำลังจะต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่อีกครั้ง จากการนำเสนอเรื่องราวของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์ ผ่านสารคดีเรื่องใหม่ใน Netflix ที่มีชื่อว่า Harry & Meghan

 

ย่างก้าวของครอบครัวซัสเซ็กซ์

ช่วงปลายรัชสมัยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ถือเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่สถาบันกษัตริย์อังกฤษต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายและความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกรณีอื้อฉาวทางเพศของเจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก พระราชโอรส และการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระราชสวามีที่ทรงอยู่เคียงข้างกันมาเป็นเวลากว่า 70 ปี รวมถึงปัญหาของครอบครัวซัสเซ็กซ์

 

นับแต่การเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนในปี 2018 ทุกย่างก้าวของครอบครัวซัสเซ็กซ์ก็ตกเป็นประเด็นข่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสถาบันกษัตริย์อังกฤษตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวซัสเซ็กซ์กับครอบครัวเคมบริดจ์ของเจ้าชายวิลเลียมและเคท การดำรงตนและสถานะในราชวงศ์ของพวกเขา ตลอดจนการกระทบกระทั่งกับสื่อมวลชนที่คอยทำข่าว จนกระทั่งเจ้าชายแฮร์รีต้องหาทางออกด้วยการลดบทบาทของตนในฐานะพระราชวงศ์ระดับสูงเมื่อต้นปี 2020 

 

แม้ว่าครอบครัวซัสเซ็กซ์ตัดสินใจที่จะลดบทบาทของตน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีภาระหน้าที่ในฐานะพระราชวงศ์ และไม่ต้องตกอยู่ภายใต้การจับจ้องหรือตรวจสอบจากสื่อมวลชนหรือประชาชน อันเป็นชีวิตอิสระที่พวกเขาปรารถนา แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ครอบครัวซัสเซ็กซ์ก็ยังคงนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับราชสำนักอังกฤษอยู่เรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นคำให้สัมภาษณ์ หรือซีรีส์เรื่องล่าสุดดังที่กล่าวข้างต้น 

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าแทบทุกครั้งที่เรื่องราวของครอบครัวซัสเซ็กซ์ปรากฏเป็นข่าว ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อสถาบันกษัตริย์อังกฤษ และนำมาซึ่งความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ทั้งฝ่ายที่เห็นใจครอบครัวซัสเซ็กซ์ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการใช้ชีวิตท่ามกลางการจับจ้องและการต้องอยู่ในความสนใจ ทำให้ไม่มีความเป็นส่วนตัว รวมถึงกฎเกณฑ์ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ แต่อีกด้านก็มองว่า การตัดสินใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันกษัตริย์ ชีวิตของพวกเขาย่อมจะต้องถูกคาดหวังและมีหน้าที่ที่แตกต่างไปจากคนธรรมดา เพราะการมีอภิสิทธิ์หรือความสะดวกสบายย่อมนำมาซึ่งหน้าที่ที่ต้องทำ 

 

หากจะกล่าวให้ชัดเจนขึ้น คือประเด็นเกี่ยวกับเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนนั้น อาจจะขึ้นอยู่กับมุมมองหรือความคิดของแต่ละคน ในขณะที่คนกลุ่มหนึ่งอาจมองว่าพวกเขานั้นเป็นเหยื่อของระบบระเบียบภายในราชสำนัก แต่อีกด้านหนึ่งพวกเขาก็ถูกมองว่ากำลังใช้สถานะและบทบาทของตนในอดีตเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ตนเอง

 

สิ้นควีน สิ้นเสาหลัก?

หลายคนคาดหวังว่า การที่ราชสำนักและเจ้าชายแฮร์รีสามารถหาทางออกร่วมกันโดยการให้เจ้าชายแฮร์รีลดบทบาทและสถานะของตน เพื่อเป็นทางออกสำหรับปัญหาความขัดแย้งทั้งหลาย และหลายคนโล่งใจและเชื่อมั่นในการตัดสินใจดังกล่าวของราชสำนักว่า วิธีนี้น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วในการยุติปัญหาของครอบครัวซัสเซ็กซ์ที่จะส่งผลกระทบต่อสถาบันกษัตริย์อังกฤษ

 

อย่างไรก็ตาม เพียงปีเดียวหลังจากนั้น ปัญหาความขัดแย้งรอบใหม่ก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง จากคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนในรายการพิเศษของ โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรชื่อดัง ซึ่งมีการเอ่ยถึงความยากลำบากที่พวกเขาต้องเผชิญ รวมถึงความเห็นที่ไม่ตรงกันกับราชสำนัก โดยประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งคือการที่เมแกนระบุว่า เธอมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย และมีพระราชวงศ์พระองค์หนึ่งกระทำการซึ่งเป็นการเหยียดสีผิวต่อเธอ

 

แม้ว่าครอบครัวซัสเซ็กซ์จะไม่ได้เจาะจงว่าใครเป็นผู้กระทำ แต่เรื่องดังกล่าวย่อมเป็นการโจมตีสถาบันกษัตริย์อังกฤษโดยตรง และการให้สัมภาษณ์ครั้งนั้นยังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับราชสำนักอังกฤษห่างเหินกันมากยิ่งขึ้น และทำให้สถาบันกษัตริย์อังกฤษถูกตั้งคำถามถึงบทบาทและการวางตัว รวมถึงความจำเป็นในการมีอยู่ด้วย

 

จากการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว สำนักพระราชวังอังกฤษได้ออกแถลงการณ์สั้นๆ ต่อกรณีดังกล่าวว่า ราชสำนักรู้สึกเสียใจต่อกรณีที่เกิดขึ้น และความยากลำบากที่พวกเขาต้องเผชิญในหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงครอบครัวซัสเซ็กซ์ยังคงเป็นที่รักของพวกเราทุกคน โดยการออกแถลงการณ์ในเรื่องส่วนตัวของสมาชิกพระราชวงศ์ถือเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักสำหรับสถาบันกษัตริย์อังกฤษ ซึ่งทำให้เรื่องดังกล่าวค่อยๆ เงียบลงไป 

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตัดสินใจของราชสำนักอังกฤษต่อกรณีครอบครัวซัสเซ็กซ์นี้ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ย่อมต้องทรงมีบทบาทสำคัญ ทั้งในฐานะที่ทรงเป็นประมุขแห่งราชวงศ์ และยังทรงเคยผ่านปัญหาเรื่องความสัมพันธ์หรือชีวิตคู่ของพระราชโอรสและพระราชธิดา ซึ่งนำไปสู่การหย่าร้างและการแยกทางกันถึงสามคู่ในปี 1992 ไม่ว่าจะเป็นกรณีเจ้าชายชาร์ลส์ ดยุกแห่งเวลส์ กับเจ้าหญิงไดอานา กรณีเจ้าหญิงแอนน์กับมาร์ก ฟิลลิปส์ และกรณีเจ้าชายแอนดรูว์กับซาราห์ เฟอร์กูสัน ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์อังกฤษ แต่สุดท้ายแล้วสมเด็จพระราชินีนาถก็ทรงแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวให้ผ่านพ้นมาได้

 

จะเห็นได้ว่าแม้จะปรากฏความขัดแย้งหรือปัญหาภายในราชวงศ์อันเกี่ยวข้องกับครอบครัวซัสเซ็กซ์ สมเด็จพระราชินีนาถก็ทรงแก้ไขปัญหานั้นๆ ให้ลุล่วงไปได้ โดยให้มีผลกระทบต่อสถาบันกษัตริย์อังกฤษน้อยที่สุด เพื่อความอยู่รอดของสถาบันกษัตริย์ 

 

อย่างไรก็ตาม กรณีครอบครัวซัสเซ็กซ์ก็ยังคงเป็นประเด็นข่าวสำคัญที่มักปรากฏอยู่เสมอ แม้กระทั่งเมื่อคราวที่สมเด็จพระราชินีนาถสวรรคตในวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา ทุกความเคลื่อนไหวของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนต่างถูกจับตามอง และเกิดคำถามขึ้นในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นในการเข้าเฝ้าฯ ครั้งสุดท้ายที่ปราสาทบัลมอรัล การร่วมพระราชพิธีพระบรมศพ พระราชพิธีสถาปนาพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ตลอดจนพระราชพิธีฝังพระบรมศพว่า ทั้งสองจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่ เข้าร่วมแล้วจะปฏิบัติตนอย่างไร หรือความสัมพันธ์กับพระราชวงศ์อื่นๆ จะเป็นอย่างไร

 

คำถามสำคัญที่ท้าทายสถาบันกษัตริย์อังกฤษและครอบครัวซัสเซ็กซ์ คือเมื่อสิ้นแผ่นดินสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แล้ว จะเกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้นมาอีกหรือไม่ และการแก้ไขปัญหาของราชสำนักอังกฤษโดยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะเป็นไปในทิศทางใด 

 

การเปิดเผยเรื่องราว หรือความขัดแย้งครั้งใหม่?

เพียงสามเดือนภายหลังการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถ ปัญหาของครอบครัวซัสเซ็กซ์ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนได้นำเสนอเรื่องราวชีวิตส่วนตัวผ่านสารคดีทาง Netflix ซึ่งทั้งคู่ระบุว่าพวกเขากำลังจะเปิดเผยความจริงทั้งหมดที่ไม่มีใครรู้มาก่อน โดยในตอนต้น พวกเขาได้กล่าวถึงบทบาทของสื่อมวลชนที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขา และเมแกนได้กล่าวพาดพิงว่า เธอไม่ได้รับการปกป้องอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นการพาดพิงถึงราชวงศ์อังกฤษ 

 

ทันทีที่สารคดีดังกล่าวได้เผยแพร่ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่หลากหลาย บ้างก็ว่าเป็นความพยายามของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนในการเรียกความสงสารและสร้างความสนใจ ในขณะที่อีกฝ่ายก็เห็นใจและมองว่า เส้นทางที่พวกเขาต้องเลือกเดินนั้นเป็นเพราะความกดดันและสิ่งที่ต้องเผชิญจากการเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ 

 

โดยสิ่งที่หลายคนมุ่งจับตามอง คือราชวงศ์อังกฤษจะมีปฏิกิริยาใดต่อสารคดีเรื่องนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อพระราชวงศ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งมีประเด็นแรกที่เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นแล้ว คือสารคดีได้ขึ้นข้อความว่า สมาชิกในราชวงศ์ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อเนื้อหาในสารคดีนี้ แต่ทางสำนักพระราชวังได้ปฏิเสธว่าไม่เคยมีการสอบถามความเห็นในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด 

 

ดังนั้นแม้ว่าเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนจะระบุถึงความมุ่งหมายในการถ่ายทอดเรื่องราวในครั้งนี้ว่าเป็นการเปิดเผยความจริง แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการเปิดเผยความจริงในครั้งนี้ย่อมมีผลเสมือนเป็นการก่อปัญหาและความขัดแย้งครั้งใหม่ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

 

โดยที่สารคดีเรื่องนี้เพิ่งจะออนแอร์เพียง 3 ตอนแรกเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา และมีกำหนดจะสตรีมอีก 3 ตอนสุดท้ายในวันที่ 15 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งเชื่อว่ายังคงมีเนื้อหาอีกหลายส่วนที่จะกระทบและพัวพันถึงสมาชิกพระราชวงศ์ รวมถึงสถาบันกษัตริย์อังกฤษโดยรวม จึงต้องติดตามต่อไปว่า พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ในฐานะประมุของค์ใหม่แห่งราชวงศ์วินด์เซอร์จะทรงตัดสินใจอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้

 

นอกจากสารคดีเรื่องนี้แล้ว ยังมีความขัดแย้งหรือความบาดหมางระหว่างครอบครัวซัสเซ็กซ์กับราชสำนักอังกฤษที่รอเวลาเกิดขึ้นอยู่ คือการที่เจ้าชายแฮร์รีตัดสินใจบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของพระองค์ โดยเฉพาะเหตุผลที่ทรงตัดสินใจลดบทบาทและย้ายมาประทับที่สหรัฐอเมริกา ผ่านหนังสือที่มีชื่อว่า ‘Spare’ ซึ่งมีกำหนดออกวางตลาดในเดือนมกราคม 2023 โดยเลื่อนมาจากกำหนดเดิมเนื่องจากการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 

 

จากที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ชื่อของหนังสือเล่มดังกล่าวมาจากคำว่า ‘Heir and Spare’ หรือทายาทและตัวสำรอง ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของเจ้าชายแฮร์รีในฐานะตัวสำรองหรือบทบาทลำดับสองรองจากเจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐาผู้เป็นรัชทายาทของราชบัลลังก์ในปัจจุบัน จึงเชื่อได้ว่าประเด็นต่างๆ ในหนังสือเล่มนี้ย่อมจะนำมาซึ่งความขัดแย้งรอบใหม่กับราชวงศ์อังกฤษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างครอบครัวซัสเซ็กซ์กับสถาบันกษัตริย์อังกฤษนี้ แม้จะดูว่าเป็นปัญหาส่วนตัวที่อาจเกิดขึ้นได้ภายในครอบครัวใหญ่และไม่ควรติดตามหรือยุ่งเกี่ยว แต่เหตุที่ชวนให้คิดและติดตาม รวมถึงต้องตั้งคำถาม เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันถึงบทบาทและสถานะของสถาบันกษัตริย์ในโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งกระแสความคิด ความคาดหวัง และมุมมองจากประชาชนถือเป็นสิ่งสำคัญที่สถาบันกษัตริย์จะต้องคำนึงถึง จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าติดตามต่อไปว่า เรื่องราวจะดำเนินต่อไปเช่นไรและมีบทสรุปอย่างไร 

 

ภาพ: Samir Hussein / WireImage

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising