ช่วงค่ำวานนี้ (27 พฤศจิกายน) กลุ่มฮามาสได้ปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลออกมาจากฉนวนกาซาอีก 11 คน ซึ่งรวมถึงฝาแฝดวัย 3 ขวบ โดยเป็นตัวประกันชุดที่ 4 ที่ได้รับการปล่อยตัว และถูกส่งข้ามพรมแดนกลับถึงอิสราเอลแล้ว ขณะที่ทางการอิสราเอลได้ปล่อยตัวนักโทษปาเลสไตน์ 33 คนเป็นการแลกเปลี่ยน ซึ่งรวมถึงเด็ก 30 คน และผู้หญิง 3 คน
จนถึงตอนนี้พบว่ากลุ่มฮามาสได้ปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลออกมาแล้วทั้งหมดกว่า 50 คน ขณะที่อิสราเอลปล่อยนักโทษปาเลสไตน์ออกมารวม 150 คน ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนตัวประกันอิสราเอล 1 คนต่อนักโทษปาเลสไตน์ 3 คน
การปล่อยตัวประกันล่าสุดของฮามาสมีขึ้นก่อนที่ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวระยะเวลา 4 วันจะสิ้นสุดลง โดยรัฐบาลกาตาร์ในฐานะตัวกลางเจรจาเผยว่า ทั้งฮามาสและอิสราเอลตกลงที่จะขยายการหยุดยิงออกไปอีก 2 วัน
ขณะที่จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า กลุ่มฮามาสยืนยันว่าจะปล่อยตัวประกันผู้หญิงและเด็กอีก 20 คนในช่วง 2 วันข้างหน้า
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าวว่า การหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาสนั้นทำให้การส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในฉนวนกาซาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ขณะที่อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) แสดงความยินดีต่อการขยายระยะเวลาหยุดยิง โดยชี้ว่าเป็น ‘ความหวังของมนุษยชาติ’ แต่เตือนว่าระยะเวลาหยุดยิงที่ขยายเพิ่มอีก 2 วันนั้นไม่เพียงพอต่อการตอบสนองความต้องการความช่วยเหลือในกาซา
ซึ่งล่าสุดหลายองค์กรช่วยเหลือยังคงทยอยส่งรถบรรทุกสิ่งของช่วยเหลือที่จำเป็น ทั้งเสบียงอาหาร น้ำมันเชื้อเพลิง และยารักษาโรค เข้าไปในกาซาอย่างต่อเนื่อง
ภาพ: Hamas Military Wing / Handout via Reuters
อ้างอิง:
