×

กูรูมั่นใจภาวะกระทิงในตลาดวอลล์สตรีทยังไม่จบ เตือนนักลงทุนอย่าวิตกในช่วงดัชนีหุ้นปรับฐาน

13.09.2021
  • LOADING...
ตลาดวอลล์สตรีท

สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานรวมความเห็นของผู้เชี่ยวชาญและนักกลยุทธ์ที่ซื้อขายโดยมุ่งเน้นในเชิงเทคนิคเป็นหลัก ที่ระบุว่าการเทขายหุ้นหรือชะลอการลงทุนของนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดวอลล์สตรีทในเวลานี้เป็นแนวทางการลงทุนที่ผิดวิธี เพราะช่วงที่ตลาดกำลังปรับฐานถือเป็นช่วงเวลาแห่งโอกาสที่นักลงทุนควรจะพิจารณาเข้าไปลงทุน โดยมุ่งผลตอบแทนในระยะยาว

คำแนะนำให้เดินหน้าลงทุนมีขึ้นหลังจากที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ทั้งดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ และ S&P 500 ปิดตลาดปรับตัวในแดนลบติตต่อกัน 5 วัน และทำสถิติเป็นสัปดาห์การซื้อขายที่แย่ที่สุดของตลาดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่กังวลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เผชิญปัจจัยกดดันรอบด้าน ทั้งการระบาดของโรคโควิดสายพันธุ์เดลตา การประกาศลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) การเดินหน้าปฏิรูประบบภาษี และการลดลงของตลาดงาน

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญมองว่า สภาวะพื้นฐานของตลาดสหรัฐฯ โดยรวมยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดย Keith Lerner หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนและนักกลยุทธ์ตลาดของ Truist กล่าวว่า ภายในสิ้นปีนี้ ตลาดวอลล์สตรีทน่าจะมีการซื้อขายเพิ่มขึ้นอีก 4% ทำให้ตลาดหุ้นปีนี้ขยับขึ้นอยู่ในระหว่าง 12-14% เพียงแต่ปัจจัยน่าวิตกที่เกิดขึ้นทำให้เกิดแรงเทขายระลอกใหญ่

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมองว่า สภาวะตลาดดังกล่าวไม่จำเป็นต้องเทขายเสมอไป และนักลงทุนสามารถหาโอกาสทำกำไรได้ เพียงแต่ให้เน้นไปที่การลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนในระยะยาวคือราว 6-12 เดือน มากกว่าการเก็งกำไรในระยะสั้น  พร้อมชี้ให้เห็นว่า การที่เศรษฐกิจชะลอตัวไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจไม่มีการเติบโต

ขณะเดียวกัน ทาง โกลด์แมน แซคส์ ได้เปิดเผยผลการสำรวจศึกษาล่าสุดที่พบว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์พยายามเข้ามามีบทบาท และแข่งขันกับบรรดากลุ่มธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ Venture Capital (VC) ในการปิดดีลของบรรดาบริษัทเอกชน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีนวัตกรรมมากขึ้น

โดยรายงานภายใต้หัวข้อ ‘Hedge Funds and the Convergence of Private and Public Equity Investments’ แสดงให้เห็นว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์ได้ทำสถิติเข้าไปมีส่วนร่วมกับการปิดดีลระดมทุนของภาคเอกชนรวม 770 รายกาย คิดเป็นมูลค่ารวม 153,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่ในปี 2020 ก่อนหน้า กองทุนเฮดจ์ฟันด์เข้าร่วมปิดดีลทั้งหมด 753 รายการ คิดเป็นมูลค่า 96,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะเดียวกัน หากเทียบกับช่วงเวลาก่อนปี 2010 บรรดาผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์เข้าไปมีส่วนร่วมในการปิดดีลของภาคเอกชนต่อปีเฉลี่ยมากกว่า 50 รายการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยเคยทำสถิติสูงสุดที่ 117 รายการในปี 2007

แม้ในภาพรวมเมื่อเทียบกับตลาดทั้งหมด การมีส่วนร่วมในดีลของเฮดจ์ฟันด์จะมีสัดส่วนอยู่ที่เพียง 4% เมื่อเทียบกับดีลทั้งหมดที่มีในตลาด กระนั้นความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเฮดจ์ฟันด์ก็สะท้อนให้เห็นว่า ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ต่างมุ่งแสวงหา และกระจายความหลากลายในการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising