GrabFood ทุบสถิติยอดสั่งทะลุ 4 ล้านออร์เดอร์ตั้งแต่ 4 เดือนแรกของปี 2562 เติบโตแบบก้าวกระโดด 110 เท่า เตรียมขยายพื้นที่ให้บริการอย่างน้อยเพิ่มอีก 6 จังหวัดภายในปีนี้
วันนี้ (30 เม.ย.) แกร็บ ประเทศไทย (Grab) เปิดเผยถึงความสำเร็จของธุรกิจ GrabFood ในปี 2562 ว่า หลังจากผ่านการให้บริการในปีนี้ไปได้แค่ 4 เดือน ก็มียอดสั่งอาหารรวมแล้วทั้งสิ้นกว่า 4 ล้านออร์เดอร์ นั่นเป็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นถึง 110 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2018 ทั้งปี ที่มียอดการสั่งอาหาร 3 ล้านออร์เดอร์ นอกจากนี้ยังบอกอีกด้วยว่าบริการส่งอาหาร GrabFood ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในธุรกิจสั่งอาหารผ่านแอปฯ ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาอย่างเต็มตัว ทั้งๆ ที่เพิ่งเปิดตัวให้บริการอย่างเป็นทางการได้เพียงแค่ 8 เดือนเท่านั้น (เริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2561)
ปัจจุบัน GrabFood ให้บริการใน 2 จังหวัดคือ กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ โดยภายในปีนี้แกร็บมีแพลนจะขยายพื้นที่ให้บริการให้ครอบคลุมเพิ่มขึ้นอย่างน้อยอีก 6 จังหวัดในประเทศไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานคนไทยในหลายๆ พื้นที่ภายใต้การทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์อย่างเซ็นทรัลกรุ๊ป
ธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในเดือนเมษายน มีผู้สั่ง GrabFood มากกว่า 1 ล้านออร์เดอร์ภายใน 3 สัปดาห์ การที่ GrabFood เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้เราสามารถเอาชนะคู่แข่งที่อยู่ในอุตสาหกรรมการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันในไทยมานานภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี ทั้งหมดนี้เกิดจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งของพาร์ตเนอร์ผู้ส่งอาหารและพาร์ตเนอร์ร้านค้า เราจะทำงานหนักขึ้นเพื่อเสริมสร้างโอกาสในการหารายได้ รวมถึงช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจของพาร์ตเนอร์เราเติบโตยิ่งกว่าเดิม”
ปัจจัยสำคัญลำดับต้นๆ ที่ทำให้ GrabFood เติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นผลมาจากจำนวนพาร์ตเนอร์ผู้ส่งอาหารที่เพิ่มขึ้นในทุกๆ เดือน โดยนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 ที่ผ่านมา ถึงเดือนเมษายน 2562 อัตราการเพิ่มขึ้นของพาร์ตเนอร์คนขับส่งอาหาร GrabFood อยู่ที่ 55 เท่า (มีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเดือน 35%) เช่นเดียวกับจำนวนพาร์ตเนอร์ร้านอาหารที่เติบโตขึ้น 250 เท่า จึงทำให้ลูกค้าผู้ใช้บริการมีตัวเลือกร้านอาหารที่หลากหลายให้เลือกรับประทาน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า