Grab สิงคโปร์ ประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าธุรกิจเดลิเวอรีของบริษัทได้ถึงจุดคุ้มทุนแล้ว รวมถึงบริการยอดนิยมอย่างการจัดส่งอาหาร เนื่องจากได้เร่งหาทางลดการขาดทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการตรวจสอบของนักลงทุนที่เข้มงวดมากขึ้น
กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าจัดจำหน่าย หรือ EBITDA ของธุรกิจขนส่งนั้นอยู่ที่ 9 ล้านดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม-กันยายน ดีขึ้นจากการขาดทุน 22 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- หมดยุคเผาเงิน! Grab หวังไปถึงจุดคุ้มทุนช่วงครึ่งหลังของปี 2024 แม้รายได้จะเริ่มโตชะลอจากช่วงโควิดที่ผ่านมา
- Grab เผย รับทราบถึงปัญหาและข้อเสนอแนะในประเด็นต่างๆ จากกลุ่มคนขับ เกี่ยวกับระบบการให้บริการและการบริหารค่าตอบแทนแล้ว
- Cloud Kitchen ไม่หอมหวานแล้ว! Grab จะปิดตัวในอินโดนีเซีย 19 ธ.ค. นี้ อ้างเป็นผลมาจาก ‘การเติบโตไม่คงที่’ แม้ทำธุรกิจมา 4 ปี
เดิมทีบริษัทคาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะถึงจุดคุ้มทุนในไตรมาสที่ 2 ปี 2023 และบริษัทวางเป้าหมายไว้ว่าธุรกิจเดลิเวอรรีจะถึงจุดคุ้มทุนภายในครึ่งหลังของปี 2024 บนพื้นฐานของ EBITDA
ระหว่างการรายงานผลประกอบการเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แอนโทนี ตัน ซีอีโอของบริษัท กล่าวว่า “ผลลัพธ์ล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเราในการขับเคลื่อนการเติบโตและการทำกำไรควบคู่กัน…เราเห็นการเติบโตที่แข็งแกร่ง แม้ความต้องการในการจัดส่งอาหารจะกลับสู่สภาวะปกติ”
ทั้งนี้ Grab ได้ลดค่า Incentive ให้กับผู้ใช้ และโฟกัสไปที่ Loyal Customer ที่มีการใช้จ่ายที่สูงกว่า
การประกาศเกิดขึ้นในวันพุธ หลังการรายงานผลขาดทุน 342 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดือน 3 ปี 2022 ลดลง 65% จากการขาดทุน 988 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนรายรับของกลุ่มธุรกิจพุ่งเป็นประวัติการณ์ถึง 382 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 143%
นอกเหนือจากธุรกิจขนส่งที่แข็งแกร่งแล้ว ความต้องการของบริการเรียกรถก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากเศรษฐกิจที่กลับมาเปิดอีกครั้งหลังเกิดการระบาดของโควิด
จาการรายงานผลประกอบการ ราคาหุ้นของ Grab พุ่งเกือบ 12% ในช่วงเวลาหนึ่งของวันพุธที่ผ่านมา ตามเวลานิวยอร์ก
อ้างอิง: