แม้ประเด็นการให้บริการรถร่วมเดินทางหรือไรด์แชริ่งในประเทศไทยยังคงคลุมเครือ และยังไม่มีกฎหมายมารองรับ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบริการเหล่านี้เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการและแก้ Pain Point ของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ล่าสุดวันนี้ (14 ส.ค.) Grab ได้ประกาศความร่วมมือกับจังหวัดบุรีรัมย์ครั้งใหม่ประจำปีนี้ด้วยการตั้งเป้ารับคนขับเพิ่มอีกกว่า 4,000 คนในช่วงมหกรรมการแข่งขันโมโตจีพี สนาม 15 หรือการแข่งขันชิงแชมป์รถจักรยานยนต์ทางเรียบอันดับหนึ่งของโลกในช่วงระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคมนี้ ให้รองรับความต้องการของผู้ใช้และนักท่องเที่ยวที่เดินทางสัญจรมาชมการแข่งขัน
ความน่าสนใจของการประกาศความร่วมมือในครั้งนี้ไม่ได้อยู่แค่จำนวนการรับสมัครคนขับเพิ่มอีก 4,000 คน แต่ยังรวมถึงโมเดลการพาบุรีรัมย์ไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะผ่านระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) ที่ทั้ง Grab และบุรีรัมย์วางเป้าหมายไว้ร่วมกัน ตัวอย่างเช่น การเตรียมจุดจอดรับส่งและระบบรับคิวงานคนขับ Grab ภายในงานให้เชื่อมต่อกับระบบขนส่งคมนาคมรูปแบบอื่นๆ เป็นต้น
จากการคาดการณ์ของนายเนวิน ชิดชอบ ประธาน บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด ระบุว่า ในช่วงการแข่งขันโมโตจีพีในเดือนตุลาคมนี้น่าจะมีนักแข่ง ผู้ชม และนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามายังบุรีรัมย์ไม่ต่ำกว่า 100,000 คน ซึ่งจะช่วยให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในภาคเศรษฐกิจของจังหวัดระดับหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว
“การเตรียมความพร้อมด้านการคมนาคมขนส่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เนื่องจากจะสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยว ผู้เข้าชม และแฟนๆ โมโตจีพีทั่วโลก ผมรู้สึกยินดีที่ทางจังหวัดได้ยกระดับการเตรียมความพร้อมของงานโดยนำแอปพลิเคชันเรียกรถโดยสารมาใช้ แล้วประชาชนในจังหวัดก็จะสามารถมีรายได้เพิ่ม และมีโอกาสได้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองของจังหวัดที่พวกเขารักด้วยตัวเองอีกด้วย”
ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา Grab เพิ่งเปิดตัวให้บริการในบุรีรัมย์อย่างเป็นทางการไปหมาดๆ ซึ่งบุรีรัมย์ก็ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีศักยภาพการทำรายได้ของ Grab สูงเป็นอย่างมากร่วมกับพื้นที่ให้บริการในปัจจุบันของพวกเขาที่ครอบคลุมตั้งแต่กรุงเทพมหานคร, พระนครศรีอยุธยา, พัทยา, เชียงใหม่, เชียงราย, ภูเก็ต, กระบี่, สุราษฎร์ธานี, เกาะสมุย, หาดใหญ่, นครศรีธรรมราช, ขอนแก่น, นครราชสีมา, อุบลราชธานี และอุดรธานี
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
