จากงาน Grab Investor Day 2022 ซึ่งผู้บริหารระดับสูงของ Grab Holdings Limited (GRAB) ได้ร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนธุรกิจในอนาคต โดยบริษัทมีเป้าหมายสำคัญที่จะไปถึงจุดคุ้มทุน (Break Even) ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2024
Peter Oey ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของ Grab เปิดเผยว่า บริษัทมีเป้าหมายที่จะทำให้ Adjusted EBITDA ของทั้งเครือพลิกกลับมาเป็นบวกภายในครึ่งปีหลังของปี 2024 หนุนจากการเติบโตของธุรกิจด้านรับส่งผู้โดยสาร (Mobility) และรับส่งสินค้า (Deliveries) พร้อมกับการขยายธุรกิจใหม่อย่างบริการทางการเงิน (Financial Services) และธุรกิจโฆษณา (Advertising)
สำหรับธุรกิจ Mobility บริษัทมีเป้าหมายจะรักษา EBITDA Margin ในระดับ 12% ขณะที่ธุรกิจ Deliveries เชื่อว่า EBITDA Margin จะทำได้สูงกว่า 3% ทั้งนี้ ธุรกิจ Deliveries ในส่วนของอาหารน่าจะไปถึงจุดคุ้มทุนได้ก่อนในไตรมาสแรกของปี 2023 และทั้งหน่วยธุรกิจ Deliveries น่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในไตรมาส 2 ของปีหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Grab ถอดใจ ‘ธุรกิจเดลิเวอรี’ ยังไม่ถึงจุด ‘คุ้มทุน’ ภายในปี 2023 พร้อมทำกำไรท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของนักลงทุน
- Grab ผุดธุรกิจใหม่ ‘Digital BagAds’ โฆษณาเคลื่อนที่บนกระเป๋าคนขับ เคาะราคาทดลอง 18,000 บาท/เดือน
- Grab ‘ขาดทุน’ 3.3 หมื่นล้านบาท ในไตรมาสแรกหลังติดนามสกุลมหาชน ขณะที่นักลงทุน ‘ไม่ปลื้ม’ หุ้นดิ่งทันที 37%
“ในปี 2023 เราคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโต 45-55% เทียบกับค่าเฉลี่ย CAGR ระหว่างปี 2020-2023 ที่คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 57-63% จากการสร้างมูลค่ายอดขายสินค้ารวม (GMV) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”
ส่วนครึ่งปีหลังของปีนี้ผู้บริหารของ Grab คาดว่าจะเห็นตัวเลข EBITDA ขาดทุนลดลงมาเหลือ 380 ล้านดอลลาร์ ลดลง 27% จากครึ่งปีแรกที่ขาดทุน 521 ล้านดอลลาร์
“สิ่งสำคัญที่ Grab ตระหนักอยู่เสมอคือ การรักษาเงินสดที่มีและวางแผนในการใช้เงินทุกดอลลาร์ให้คุ้มค่ามากที่สุด”
อย่างไรก็ดี Grab ยังคงมองหาการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตแบบ Inorganic Growth เพิ่มเติม คล้ายกับการเข้าซื้อธุรกิจของ Jaya Grocer ในมาเลเซียก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ธุรกิจใหม่อย่าง Digibank ซึ่งจะให้บริการรับฝากเงินและปล่อยสินเชื่อที่จะเริ่มให้บริการให้ 3 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย คาดว่าผลขาดทุนจะมากที่สุดในปี 2023 ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัวและไปถึงจุดคุ้มทุนได้ในปี 2026
“ธุรกิจ Digibank เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและเพิ่งเปิดตัวในสิงคโปร์ปีนี้ เรามองเห็นศักยภาพที่จะเติบโตในระยะยาวจากธุรกิจนี้ แต่ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะให้เป้าหมายที่คาดหวัง”
ปัจจุบัน Grab ดำเนินธุรกิจอยู่ใน 8 ประเทศ และกว่า 480 เมือง โดยมีฐานผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านราย พร้อมกับพันธมิตรในรูปแบบของร้านค้ากว่า 4 ล้านราย และคนขับกว่า 5 ล้านราย
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของ Grab ลดลงมากว่า 80% จากเดือนพฤศจิกายน 2021 ในขณะที่บริษัทยังคงมีผลขาดทุน 3.4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2021 และขาดทุนต่อเนื่องอีก 1 พันล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา
