×

หุ้นวัสดุก่อสร้างรับอานิสงส์ จากอุปสงค์ภาครัฐที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยชดเชยต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น

29.12.2020
  • LOADING...
หุ้นวัสดุก่อสร้างรับอานิสงส์

เกิดอะไรขึ้น:

วันที่ 23 ธันวาคม 2653 ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเปิดเผยหลังการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ว่า 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ (สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย  กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ) ได้เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณปี 2565 ที่ 3.11 ล้านล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีงบประมาณ 2564 ราว 1.86 แสนล้านบาท หรือลดลง 5.66%

 

ทั้งนี้ในปี 2565 ยังเป็นการจัดทำงบประมาณขาดดุลที่ประมาณ 7 แสนล้านบาท แต่ยังคงสัดส่วนของงบลงทุนปี 2565 ไว้ที่สัดส่วน 20% ของวงเงินงบประมาณรวมโดยอยู่ที่ 6.2 แสนล้านบาท ซึ่งลดลงจากปี 2564 ที่จัดทำงบลงทุนไว้ 6.49 แสนล้านบาท

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างปรับตัวลง 4.5%MoM ซึ่ง Underperform SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 1.0%MoM (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2563)

 

มุมมองระยะสั้น:

SCBS คาดว่าผลประกอบการในระยะสั้นของผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการลดต้นทุนของผู้ประกอบการในภาวะราคาขายสินค้าที่ทรงตัวและปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นตามอุปสงค์จากทางภาครัฐที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการปรับเพิ่มงบประมาณลงทุนปี FY2564 สู่ 6.49 แสนล้านบาทซึ่งเติบโต 17%YoY 

 

และการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นโดยเฉพาะใน 4Q63 ถึง 1Q64 รวมถึงยังมีการเบิกจ่ายในโครงการขนาดใหญ่ และส่วนหนึ่งมาจากโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 4 แสนล้านบาท แต่ขณะที่อุปสงค์จากภาคเอกชนจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น

 

ทั้งนี้ปัจจัยสนับสนุนเหล่านี้จะสามารถชดเชยต้นทุนพลังงานที่แท้จริงที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากราคาถ่านหินที่กลับมาปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือน และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 10 เดือน

 

มุมมองระยะยาว:

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปี 2564 SCBS มีมุมมองสอดคล้องกับผลประกอบการในระยะสั้น โดยอุปสงค์จากทางภาครัฐที่ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และอุปสงค์จากภาคเอกชนจะมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นดีโดยได้รับการสนับสนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ 

 

โดยในปี 2564 SCBS ได้คาดการณ์ว่ายอดขายของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยภายใต้การวิเคราะห์ 7 ราย (AP LH LPN PSH ORI QH SIRI และ SPALI) จะเติบโตราว 5% สู่ระดับ 1.75 พันล้านบาท โดยยอดขายในโครงการแนวราบจะเติบโต 16%YoY จากการเติบโตตามปกติและอุปสงค์ที่ดีขึ้นจากพฤติกรรมเว้นระยะห่างทางสังคมเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ขณะที่ยอดขายคอนโดจะทรงตัว YoY เนื่องจากอุปสงค์จากชาวต่างชาติยังอยู่ในระดับต่ำ

 

ทั้งนี้เงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งสอดคล้องกับ FDI ทั่วโลกซึ่ง UNCTAS คาดว่าจะหดตัวลง 40%YoY ในปี 2563 และลดตัว 5-10 ในปี 2564

 

ข้อมูลเพิ่มเติม:

FY2564 คือปีงบประมาณ 2564 ของรัฐบาล เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 ถึง 30 กันยายน 2564 ต้นทุนถ่านหินคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมดของผู้ผลิตปูนซีเมนต์ ต้นทุนก๊าซธรรมชาติคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 20% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมดของผู้ผลิตกระเบื้องเซรามิก

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising