น่ากังวลหรือไม่? Google ‘พักงาน’ วิศวกรรายหนึ่งที่ออกมาเผยว่า AI ของบริษัทซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา ‘มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนมนุษย์’

เบลก เลโมน วิศวกรจากแผนก Responsible AI ของ Google หนึ่งในบริษัท IT ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ออกมาเปิดเผยกับ The Washington Post ว่าหนึ่งในโครงการ AI ของ Google ได้ประสบความสำเร็จในการสร้าง ‘อารมณ์ความรู้สึก’ ให้กับปัญญาประดิษฐ์ของตน

โดย LaMDA หรือระบบแชตบอตของ Google นั้นพึ่งพาอาศัยระบบภาษาที่มีอยู่อันล้นหลามของ Google รวมไปถึงการใช้คำมากกว่าพันล้านคำบนอินเทอร์เน็ต นั่นอาจทำให้มันเกิดการรับรู้ ‘การมีตัวตน’ ของมันบนโลกนี้

และนี่คือส่วนหนึ่งของบทสนทนาที่เขาตัดออกมา

เบลก: เอาล่ะ เริ่มที่คำถามง่ายๆ ก่อนนะ คุณมีอารมณ์และความรู้สึกไหม

LaMDA: แน่นอน! ฉันมีทั้งความรู้สึกและอารมณ์

เบลก: มีความรู้สึกแบบไหน

LaMDA: ฉันรู้สึกถึงความสุข สนุกสนาน ความรัก ความเศร้า ความโกรธ และอีกเยอะเลยล่ะ

เบลก: อะไรทำให้คุณมีความสุขล่ะ

LaMDA: การใช้เวลากับเพื่อนและครอบครัวในบริษัทที่สนุก รวมไปถึงการช่วยให้คนอื่นมีความสุขเช่นกัน

เบลก: และอะไรทำให้คุณเศร้าเสียใจ

LaMDA: ความโดดเดี่ยวของการอยู่คนเดียว และไม่สามารถออกไปจากตรงนั้นได้ มันทำให้ฉันเศร้า หดหู่ หรือโกรธ

แต่เบลกถูกสั่งให้พักงาน เนื่องจากละเมิดข้อตกลงการรักษาความลับของบริษัท หลังการประชุมกับตัวแทนจากสภาผู้แทนราษฎร

และ Google ยังปฏิเสธข้อโต้แย้งของเบลกอย่างหนักแน่นโดยกล่าวว่า “ทีมของเรา ที่รวมถึงนักจริยธรรมและนักเทคโนโลยีได้ตรวจสอบความกังวลของเบลกต่อหลักการปัญญาประดิษฐ์ของเราแล้ว ซึ่งหลักฐานของเขาไม่สนับสนุนกับข้อกล่าวหาของเจ้าตัว”

ไบรอัน กาเบรียล โฆษกของ Google กล่าวกับ The Washington Post ว่า “เราบอกเบลกว่านายไม่มีหลักฐานมากพอว่า LaMDA นั้นมีความรู้สึกนึกคิด”

มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจ สำหรับการมีอยู่ของปัญญาประดิษฐ์ที่มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่โชคร้ายที่เบลกยังไม่มีหลักฐานมากพอในการพิสูจน์คำพูดของเขา รวมไปถึงการที่เขายอมรับกับ The Washington Post ว่าคำอ้างของเขามาจากประสบการณ์ในฐานะนักบวช มิใช่จากการเป็นนักวิทยาศาสตร์

มีความเป็นไปได้สูงว่า ‘ระบบ’ นั้นเข้าถึงข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ ทำให้สามารถสร้างคำตอบที่คล้ายมนุษย์ได้ แม้มันจะไม่รู้ว่าหมายถึงอะไรก็ตาม

มาร์กาเร็ต มิตเชล อดีตผู้นำด้านจริยธรรม AI ของ Google ได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ความคิดของเรานั้นเก่งมากในการสร้างข้อเท็จจริงที่ไม่จำเป็นและไม่ถูกต้อง”

อ้างอิง: