Macquarie Group คาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยประเมินว่าราคาทองเฉลี่ยในช่วงเวลาดังกล่าวจะอยู่ที่ 3,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ล่าสุดราคาทองคำฟื้นตัวกลับมาใกล้จุดสูงสุดเดิมที่ประมาณ 2,960 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน ส่วนราคาทองคำในไทยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 4,500 บาทต่อบาททองคำ มาอยู่ที่ 47,000 บาทต่อบาททองคำ
Marcus Garvey นักวิเคราะห์ของ Macquarie ระบุว่า ปัจจัยหนุนสำคัญมาจากความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลของสหรัฐฯ ที่อาจขยายตัวขึ้น ซึ่งอาจกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยได้อานิสงส์จากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการค้าของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้กับเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันแนวโน้มงบประมาณของสหรัฐฯ ที่แย่ลงเป็นสัญญาณว่าเงินเฟ้ออาจปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ทองคำยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง
“เราเห็นว่าการปรับขึ้นของราคาทองคำจนถึงขณะนี้ รวมถึงแนวโน้มขาขึ้นในอนาคต เป็นผลมาจากความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยงด้านเครดิตหรือคู่สัญญาจากทั้งนักลงทุนและสถาบันการเงินภาครัฐ” นักวิเคราะห์ของ Macquarie ระบุ
นอกจากนี้ยังมีช่องว่างให้กองทุน ETF ทองคำสามารถเพิ่มการถือครองได้อีก ขณะเดียวกันอุปสงค์ในตลาดจริง ทั้งเครื่องประดับ ทองแท่ง เหรียญทอง และภาคเทคโนโลยี ยังคงแข็งแกร่งแม้ราคาจะอยู่ในระดับสูง
ก่อนหน้านี้ Goldman Sachs ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาทองคำช่วงสิ้นปีเป็น 3,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ Citigroup คาดว่าราคาจะพุ่งแตะ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายใน 3 เดือนข้างหน้า
ภาพ: Christopher Furlong / Getty Images
อ้างอิง: