×

กทม. เร่งหา รพ. รองรับผู้ถือสิทธิบัตรทองกว่า 2 แสนราย หลัง สปสช. ยกเลิกสัญญากับ 9 รพ.เอกชน

โดย THE STANDARD TEAM
01.10.2022
  • LOADING...
บัตรทอง

วันนี้ (1 ตุลาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ยกเลิกสัญญาโรงพยาบาลเอกชน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ 

  • โรงพยาบาลมเหสักข์ 
  • โรงพยาบาลบางนา 1 
  • โรงพยาบาลประชาพัฒน์ 
  • โรงพยาบาลนวมินทร์ 
  • โรงพยาบาลเพชรเวช 
  • โรงพยาบาลผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท 2
  • โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา
  • โรงพยาบาลบางมด
  • โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 

 

ซึ่งเดิมประชาชนมีหน่วยบริการปฐมภูมิประจำอยู่ที่โรงพยาบาลทั้ง 9 แห่ง จะถูกยกเลิกเป็นสิทธิว่าง ซึ่งจำนวนนี้มีประมาณ 220,000 คนที่ สปสช. ต้องจัดหาหน่วยบริการปฐมภูมิประจำ คลินิกชุมชนอบอุ่น หรือศูนย์บริการสาธารณสุขให้ และอีกประมาณ 690,000 คน ที่เดิมมีโรงพยาบาลทั้ง 9 แห่งเป็นโรงพยาบาลรับส่งต่อ จะไม่มีโรงพยาบาลรับส่งต่อ แต่ยังคงมีคลินิกชุมชนอบอุ่นและศูนย์บริการสาธารณสุขเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิประจำ ที่จะต้องจัดหาโรงพยาบาลเข้ามารองรับการส่งต่อนั้น

 

กรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพเขต 13 จัดการประชุมร่วมกับโรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2565 เพื่อหารือแนวทางการบริหารจัดการสถานการณ์รองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยในส่วนของผู้ที่เป็นสิทธิว่างนั้น สปสช. จะเปิดให้ผู้ที่มีสิทธิว่างเลือกหน่วยบริการปฐมภูมิประจำแห่งใหม่ได้ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2565 โดยสามารถหาข้อมูลหน่วยบริการในพื้นที่ใกล้บ้านได้ที่เว็บไซต์ของ สปสช. https://www.nhso.go.th หรือสอบถามผ่านสายด่วน สปสช. 1330 

 

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ยังไม่เลือกโรงพยาบาล สามารถเข้ารับบริการได้ทุกคลินิกชุมชนอบอุ่น ศูนย์บริการสาธารณสุข หรือโรงพยาบาลในเครือข่ายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และถ้ามีความจำเป็นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล สามารถไปรับการรักษาได้ทุกโรงพยาบาลในเครือข่ายระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

 

สำหรับโรงพยาบาลรับส่งต่อแห่งใหม่นั้น ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนจนถึงสิ้นปีนี้ สปสช. จะหาโรงพยาบาลรับส่งต่อเพิ่มเพื่อรองรับผู้ป่วยต่อไป 

 

ทั้งนี้ ในระหว่างนี้ กรณีผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องนัดรับยาต่อเนื่อง สามารถรักษาในคลินิกชุมชนอบอุ่น ศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน กรณีหญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยผ่าตัด รังสีรักษา เคมีบำบัด อัลตราซาวด์ ซีทีสแกน และ MRI สามารถติดต่อขอรับเวชระเบียนที่โรงพยาบาลทั้ง 9 แห่ง และสามารถไปเข้ารับการรักษาในทุกโรงพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพ โดยประสานผ่านหมายเลข 1330 ยกเว้นผู้ป่วยที่มีนัดรักษาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไทและโรงพยาบาลประชาพัฒน์ ยังคงรักษาที่เดิมจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 

 

สำหรับผู้ป่วยฟอกไตและผู้ป่วยที่มีนัดผ่าตัดหัวใจ สวนหัวใจใส่บอลลูน ใส่สเต็นท์ (Stent) ยังคงรับบริการได้ตามนัดเหมือนเดิม (ไม่ได้ยกเลิกสัญญาบริการฟอกไตและผ่าตัดหัวใจ) ผู้ป่วยใน (ที่ยังนอนอยู่โรงพยาบาล) รักษาต่อไปได้จนกว่าจะสิ้นสุดการรักษา 

 

กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินใช้สิทธิรักษาเหมือนเดิมทุกประการ เจ็บป่วยฉุกเฉินในกลุ่มสีเขียว (ไม่รุนแรง) สีเหลือง (เร่งด่วน) เข้ารักษาได้ทุกหน่วยบริการที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตถึงแก่ชีวิต (สีแดง) เข้ารักษาได้ทุกหน่วยบริการหรือโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนที่อยู่ใกล้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเช่นกัน ตามนโยบาย UCEP เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่

 

นอกจากนี้ สปสช. จะเพิ่มคลินิกอบอุ่นให้มากขึ้น โดยมีการนำคลินิกเวชกรรมบางประเภทมาเป็นคลินิกที่ทาง สปสช. ให้สิทธิครอบคลุมไปถึง รวมทั้งร้านขายยา เพื่อรองรับการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้สามารถไปใช้บริการได้ สำหรับ กทม. เองก็สร้างความเข้มแข็งให้กับหน่วยบริการปฐมภูมิที่เชื่อมต่อกับหน่วยบริการทุติยภูมิและตติยภูมิแบบไร้รอยต่อ พร้อมกับการนำเทคโนโลยีระบบ Telemedicine มาใช้ในโรงพยาบาล และ Teleconsult ในศูนย์บริการสาธารณสุข เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising