ทุกคนคงทราบกันดีว่า Generation Alpha ที่เกิดระหว่างปี 2010-2024 ถือเป็น Gen ที่เกิดมาท่ามกลางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการเข้ามาของโลกเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เผชิญเหตุการณ์สำคัญของโลก ทั้งสงคราม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรง และการระบาดของโควิด
เมื่อเข็มนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนในวันส่งท้ายปีเก่า 2024 โลกก็โบกมือลา Gen Alpha คลื่นลูกสุดท้ายสิ้นสุดลง พร้อมต้อนรับการมาถึงของ Gen ใหม่ ‘Beta’
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เกิดอะไรขึ้นกับโครงสร้างประชากรไทย เมื่อคุณภาพชีวิตหาย ผู้สูงวัยล้น มีรายได้แค่ 6,975 บาท/เดือน ต่ำกว่าเส้นความยากจน
- ปีนี้อาจไม่ใช่ปีของจีน? เหตุใดหนุ่มสาวจีนยุคใหม่ลังเลที่จะแต่งงาน กลัวการมีลูก และอัตราการหย่าร้างปีนี้ก็พุ่งถึง 1.97 ล้านครั้ง
- อัตราการเกิดน้อย แต่คนโสดพุ่งสูงในรอบ 90 ปี ระเบิดเวลาลูกใหญ่ของญี่ปุ่นที่อาจเกิดขึ้นที่ไทย
จาก Alpha สู่ Beta โลกเปิดรับ Gen ใหม่ สำคัญอย่างไร ทำไมต้องรู้
Gen Beta เกิดระหว่างปี 2025-2039 เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะเข้าสู่โลกที่เปลี่ยนแปลง เด็กๆ Gen นี้จะเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วย AI ยุคที่มีเทคโนโลยีพร้อมอย่างสมาร์ทโฟน, VR และหุ่นยนต์ และจะเป็นกลุ่มประชากรที่เผชิญกับปัญหามากมาย ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ช่องว่างระหว่างวัยและการเพิ่มขึ้นของประชากร ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม ซึ่ง Gen Beta จะได้รับการเลี้ยงดูจากคนรุ่น Millennials และ Gen Z ที่เริ่มเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี จึงเรียกรวมๆ กันว่า ‘GenZennials’
ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า ในอนาคตภายในปี 2026 การสื่อสารผ่านออนไลน์จะเข้ามามีบทบาทมากกว่า 90% และหลายๆ อย่างจะถูกสร้างขึ้นโดย AI อีกทั้งภายในปี 2050 ประชากรโลกที่อาศัยอยู่ในเมืองจะบูรณาการขับเคลื่อนด้วย AI ทั้งสิ้น
McCrindle สำนักวิจัยด้านสังคมศาสตร์ ให้คำจำกัดความ Gen Beta ว่าจะเป็นเด็กที่เกิดมาใน ‘ยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง’ และภายในปี 2035 Gen นี้จะมีจำนวนประชากรคิดเป็น 16% ของประชากรโลก ซึ่งนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในอนาคตอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังมีอีกสิ่งที่น่าสนใจคือ เด็กที่เกิดในปี 2025 คือ Gen Beta จะมีโอกาสมีอายุถึง 76 ปี หรือถึงปี 2101
“หมายความว่าเด็กกลุ่มนี้จะได้ใช้ชีวิตในศตวรรษที่ 22 ซึ่งเป็นยุคที่คนใน Gen ปัจจุบันอาจไปไม่ถึง”
McCrindle ระบุอีกว่า ปัจจุบัน Gen Beta เติบโตในยุคเทคโนโลยี โลกที่ Gen Beta จะเติบโตมาจึงไม่แยก ‘ออนไลน์’ และ ‘ออฟไลน์’ ออกจากกันอีกต่อไป แต่จะเป็นโลกที่ผสานทั้ง 2 ส่วน และเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ ทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน และจะรวมไว้ในระบบดิจิทัลอย่างสมบูรณ์
ในอนาคต Gen Beta จะไม่ได้เกิดมาเพียงเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ Gen นี้จะต้องเผชิญกับ ‘ปัญหาระดับโลกที่ซับซ้อน’ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มขึ้นของประชากร ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งจะได้รับอิทธิพลจากพ่อแม่ที่เกิดในยุค Gen Y และ Gen Z
Mark McCrindle นักวิจัยสังคมและผู้เชี่ยวชาญด้านอนาคตศาสตร์ สรุป 5 นิยาม Gen Beta ที่พ่อแม่ Gen Y-Z ต้องรู้ ดังนี้
- แม้เด็ก Gen Beta จะเกิดมาในโลกที่ถูกแบ่งแยกด้วยออนไลน์และออฟไลน์ แต่โลกของพวกเขาจะเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อจากการพัฒนาระบบดิจิทัลที่ครบวงจร ตั้งแต่การเรียนรู้ การทำงาน ไปจนถึงการใช้ชีวิตประจำวันในแต่ละวัน
- โลกแห่ง AI คือส่วนหนึ่งของชีวิต และ AI คือโลกแห่งอนาคต เสมือนกับภาพยนตร์ Science Fiction ที่เราดูกันสมัยเด็กๆ แต่โลกอนาคตที่มากกว่านั้นคือโลกแห่งความเป็นจริง Gen Beta จะเติบโตมาท่ามกลางเทคโนโลยีขั้นสูง, AI และระบบอัตโนมัติ (Automation)
3.‘สนใจสิ่งแวดล้อม’ เพราะ Gen Beta ส่วนมากคือผลผลิตจากพ่อแม่ Gen Y และ Gen Z
โดยข้อมูลของศูนย์วิจัย Pew พบว่า 71% ของกลุ่ม Millennials และ 67% ของกลุ่ม Gen Z มองว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นสำคัญที่สุดในอนาคต เมื่อสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนเริ่มเป็นปัญหาในการดำรงชีวิตในหลากหลายประเทศ เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม ดินโคลนถล่ม ทำให้ Gen Beta หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม และตระหนักมากกว่า Gen ก่อนหน้า
- สังคมต้องมี ‘ความเท่าเทียม’ ในอนาคต Gen Beta จะเติบโตท่ามกลางสังคมที่ยอมรับความแตกต่างและโอบกอดความหลากหลาย เช่น เชื้อชาติ สัญชาติ สีผิว เพศ หรือความเชื่อต่างๆ ทำให้เด็กกลุ่มนี้มีความตระหนักเรื่องความเท่าเทียม และเคารพความเสมอภาคและความยุติธรรม
- ตระหนักถึงภัยออนไลน์ ยึดหลักความปลอดภัย ในปัจจุบันที่เราต่างตกเป็นเหยื่อในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการโกงจากมิจฉาชีพ หรือสแกมเมอร์ ในอนาคต Gen Beta จะเกิดและเติบโตมาด้วยการ ‘ระวังภัยคุกคาม’ ที่เกิดจากการเข้าถึงโลกออนไลน์มากขึ้น พร้อมทั้งเน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวจากการปลูกฝังและสั่งสอนจากพ่อแม่ Gen ก่อนๆ
เตรียมรับมือกับตลาดแรงงานในอนาคต
ตลาดแรงงานจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าสู่ยุค Gen Beta ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดแรงงานและระบบการศึกษา โดยจะต้องปรับตัวให้เข้ากับตลาดงานที่เปลี่ยนแปลงให้ทันโลกที่เน้นการใช้ AI ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจด้วย รวมไปถึงการทำงานจากทางไกลจะเป็นเทรนด์ของ Gen Beta ในอนาคต Gen นี้จะหันมาสนใจการเป็นผู้ประกอบการและนวัตกรรมมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสให้กับตนเอง
รายงานจาก Prudential Financial ระบุอีกว่า ในเรื่องการเงิน กลุ่มคน Gen Beta จะมีอนาคตที่แตกต่างจากพ่อแม่รุ่นก่อนๆ โดยเสียงสะท้อนจากพ่อแม่ที่จะให้กำเนิด Gen Beta ชาวอเมริกัน 80% เห็นด้วยว่า จะให้ความสำคัญกับการวางแผนเกษียณอายุมากขึ้น และส่วนใหญ่ระบุว่า การไม่เริ่มต้นออมเงินเพื่อการเกษียณอายุให้เร็วเป็นเรื่องที่พวกเขาเสียใจมากที่สุด
Brandon Goldstein นักวางแผนการเงินของ Prudential Financial กล่าวอีกว่า แม้ว่าจะไม่สามารถทำนายอนาคต Gen Beta ได้ แต่พ่อแม่สามารถวางแผนได้ตั้งแต่วันแรกว่าอนาคตของลูกควรเริ่มต้นจากคนในครอบครัว เพราะในอนาคต โลกเทคโนโลยีและความท้าทายที่เสี่ยงต่อโรคที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไม่อาจคาดเดาได้ พ่อแม่มือใหม่ที่จะเริ่มให้กำเนิด Gen Beta ควรวางแผนประกันสุขภาพหรือกรมธรรม์ประกันภัย ประเมินงบประมาณค่าใช้จ่าย เพื่อให้แน่ใจว่าได้คำนึงถึงเป้าหมายการออมในระยะยาว และคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสำหรับทั้งครอบครัว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากในอนาคต
ภาพ: Oscar Wong / Getty Images
อ้างอิง:
- https://www.investmentnews.com/industry-news/generation-beta-has-arrived-planning-for-their-financial-future-should-start-now/258752
- https://www.usatoday.com/story/news/nation/2024/12/31/generation-beta-2025-years/77363820007/
- https://abcnews.go.com/GMA/Living/generation-beta-starts-2025-5-things/story?id=117256891
- https://www.cbc.ca/news/canada/generation-beta-1.7421586