สิ่งที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับ คังดงวอน #สมบัติแห่งชาติเกาหลี ที่เพิ่งมีผลงานล่าสุด ภาพยนตร์ Peninsula
– คังดงวอน ไอคิว 137
– ภาพยนตร์เกี่ยวกับซอมบี้เกาหลีเรื่องเดียวที่ดูคือ Train to Busan
– เขามาเมืองไทย 50 กว่าครั้ง และอยากกลับมาอีกเร็วๆ นี้
– ชอบกินเย็นตาโฟ เผ็ดๆ กินได้
– ไม่ยอมตอบสถานะเรื่องความรัก
– มีญาติที่ยังไม่เคยร่วมงานกันชื่อ กงยู
และนี่คือบทสัมภาษณ์พิเศษระหว่าง คังดงวอน และ THE STANDARD POP แบบเป็นกันเอง จนสัมผัสได้ถึงความเป็นคนธรรมดาที่หลงรักในงานแสดงจนไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากนี้
เวลานัดหมายการสัมภาษณ์ คังดงวอน คือ 11.30 น. แต่ยังไม่ถึงเวลานัด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นแล้ว ใช่ การทำงานกับฝั่งเกาหลีไม่เคยเริ่มเลท และมีหลายครั้งที่เริ่มก่อนเวลานัด
คังดงวอน พร้อมอยู่แล้วที่หน้าจอวิดีโอคอล เขาอยู่ในเสื้อยืดสบายๆ ใส่หมวกแก๊ปที่บางทีก็ถอดมาใส่ใหม่ไม่ให้ผมหล่นมาปรกหน้าปรกตาเกินไป คังดงวอน คนเดียวกับนักแสดงนำใน Peninsula ภาพยนตร์เกาหลีฟอร์มยักษ์แห่งปีที่เพิ่งเข้าฉายในบ้านเรา และทำรายได้เปิดตัวภาพยนตร์เกาหลีสูงสุดตลอดกาล, นักแสดงชายในวัย 39 ปีที่ไม่มีโซเชียลมีเดียใดๆ ไม่รับงานถ่ายโฆษณามากมาย ไม่ค่อยปรากฏตัวเป็นข่าว หลายคนมองว่าเขาเป็นนักแสดงสายติสท์ ขณะที่หลายคนมองเขาเป็น #สมบัติแห่งชาติเกาหลี
“ผมไปเมืองไทยมาน่าจะ 50 รอบได้แล้วครับ ผมชอบเมืองไทยมากๆ ปกติถ้ามีเวลาว่างผมก็จะไปเมืองไทย ไปกรุงเทพฯ ไปพัทยา พี่ชายที่ผมสนิทมากๆ มีบ้านอยู่ที่นั่น หวังว่าสถานการณ์โควิด-19 จะดีขึ้นเร็วๆ นี้ ผมจะได้กลับไปเมืองไทยอีก”
เอาเข้าจริงตลอดเวลาที่ได้พูดคุย คังดงวอน เป็นผู้ชายน่าคบหาคนหนึ่ง เป็นคนอารมณ์ดี หน้าตาดี ฉลาด ชอบเดินทางหาสิ่งแปลกใหม่ให้ตัวเอง มองหาความท้าทายใหม่ๆ ด้านการแสดง ซึ่งเป็นอาชีพที่เขารักมาตั้งแต่ได้ทำความรู้จักครั้งแรก
คังดงวอน ขอไม่ให้มีการบันทึกภาพระหว่างการสัมภาษณ์ครั้งนี้ แต่จะขอส่งคลิปสั้นๆ แนะนำตัวเองมาให้ อย่างที่คุณจะได้เห็นต่อจากนี้
Peninsula ในประเทศไทยเป็นภาพยนตร์เกาหลีที่ทำรายได้เปิดตัวสูงสุดตลอดกาลไปแล้ว อยากรู้ว่าตัวคุณเองได้กระแสตอบรับอย่างไรบ้าง
“ทุกวันนี้ผมมีความสุขมากเลย (หัวเราะ) ผมเช็กรายได้กับผู้กำกับอยู่ตลอดเลยครับ มีความสุขมากจริงๆ ครับ”
Peninsula เป็นภาพยนตร์ซอมบี้เรื่องแรกของคุณ เราอยากรู้ว่าคุณไปศึกษาเรื่อง K-Zomebie มาอย่างไรบ้าง
“อืม… ผมไม่ได้ศึกษาอะไรเกี่ยวกับ K-Zombie มากเป็นพิเศษนะครับ ผมดูแค่ Train to Busan เรื่องเดียวเลย ผมพยายามจะปรับให้การแสดงเข้ากับคาแรกเตอร์ในภาพยนตร์ และคุยกับผู้กำกับ ยอนซังโฮ เรื่องบทของ Peninsula มากกว่าครับ”
ปกติคุณมักจะเก็บเสื้อผ้าจากภาพยนตร์ไว้เป็นที่ระลึก สำหรับ Peninsula คุณเก็บชุดไหนเอาไว้
“ใช่ครับ ผมชอบเก็บชุดจากภาพยนตร์ที่เล่น แต่เรื่องนี้ผมใส่หลักๆ แค่ชุดเดียว คือชุดที่ใส่ตั้งแต่ตอนนั่งเรือมาถึงเกาหลีน่ะครับ ก็เลยเก็บชุดนี้เอาไว้”
อะไรคือสิ่งที่คุณให้ความสำคัญที่สุดในการเลือกรับงานแสดง เพราะเราพบว่าคุณแทบไม่รับคาแรกเตอร์ซ้ำกันเลย อย่างเช่น ในภาพยนตร์เรื่อง Golden Slumber ตอนถ่ายทำคุณต้องวิ่งวันละ 3-4 ชั่วโมง, Illang: The Wolf Brigade รับบททหารที่ใส่ชุดเกราะหนักๆ แสดงฉากแอ็กชัน ทำผิวสีแทน, หรือใน A Violent Prosecutor ที่ตัวละครเป็นสิบแปดมงกุฎ
“ผมจะอ่านบทครับ ถ้าอ่านบทแล้วสนุกน่าสนใจ ผมก็ตัดสินใจได้ง่ายเลย ส่วนเรื่องคาแรกเตอร์ ผมพยายามหลีกเลี่ยงคาแรกเตอร์ที่ผมเคยแสดงมาก่อน เพราะกลัวว่าถ้าเล่นแบบเดิมซ้ำๆ ตัวผมเองก็ไม่สนุก และไม่ท้าทายไปกับมัน”
ถ้าอย่างนั้นคาแรกเตอร์แบบไหนที่เราไม่ค่อยได้เห็นคุณแสดง ตัวละครที่อารมณ์ดีอย่างนั้นไหม
“ผมว่าคาแรกเตอร์ในเรื่อง A Violent Prosecutor (2016) สนุกมาก ค่อนข้างตลกเหมือนกัน (คังดงวอน รับบทเป็นนักโทษคดีฉ้อโกงจอมกะล่อน) แล้วอีกเรื่อง My Brilliant Life เป็นคาแรกเตอร์ที่ตลกเหมือนกันนะครับ (รับบทเป็นคุณพ่อวัยหนุ่มคู่กับ ซงฮเยคโย) ผมชอบภาพยนตร์แนวตลกน่ะครับ”
เพราะตัวคุณเองจริงๆ ก็เป็นคนตลกและสนุกสนานใช่ไหม
“ครับผม (ยิ้ม) คาแรกเตอร์ที่เคยเล่นและใกล้เคียงตัวผมที่สุดน่าจะเรื่อง My Brilliant Life นะครับ แค่ตัวผมฉลาดกว่าตัวละครนิดหนึ่งเท่านั้นเอง” (หัวเราะ)
My Brilliant Life (2014)
A Violent Prosecutor (2017)
โดยเฉลี่ยแล้วคุณจะรับงานแสดงประมาณปีละ 1 เรื่อง อยากรู้ว่าคุณจัดสรรเวลาให้กับตัวเองอย่างไร
“ผมจะถ่ายภาพยนตร์ประมาณ 2 เรื่อง ในเวลา 3 ปี เวลาที่ถ่ายภาพยนตร์ผมก็ไม่ค่อยมีเวลามากเท่าไร แต่ถ้าว่างจากการถ่ายภาพยนตร์ ผมก็จะไปเมืองนอกบ้าง ไปหาเพื่อนๆ”
รู้มาว่าช่วงปีสองปีที่ผ่านมา คุณไปทำงานและใช้เวลาอยู่ที่แอลเอ สหรัฐอเมริกา อยากให้เล่าถึงการไปอยู่ที่แอลเอให้ฟังหน่อย
“จริงๆ มีประสบการณ์เยอะมากเลย แต่อย่างหนึ่งที่ผมเรียนรู้คือการไปอยู่เมืองนอกมันยากลำบากมากครับ อย่างเรื่องภาษาที่ต้องพูดภาษาอังกฤษตลอด แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากครับ
“ตอนที่ผมอยู่ในแอลเอ ผมจะสบายใจมากๆ ถ้าได้ไปที่โคเรียนทาวน์ เพราะมีบาร์ มีทุกอย่างเหมือนอยู่ที่โซลเลย แล้วที่นั่นทุกคนจำผมได้ รู้จักผมหมดเลย รู้สึกได้ว่าเป็นคนดังอีกครั้ง”
https://www.youtube.com/watch?v=Qee3RrP9U6M&list=PLl5KMOw5FKU05FN5YNiphvRPGBeJEjODa
YouTube ที่ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิต คังดงวอน ที่แอลเอ สหรัฐอเมริกา ถ้าอยากทำความรู้จักเขาให้มากขึ้น ไม่ควรพลาด
คุณเป็นคนไม่ใช้โซเชียลมีเดียใดๆ เลย แต่พอทำงานภาพยนตร์ยุคนี้คุณจะต้องไป ตามแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เพื่อโปรโมต คุณปรับตัวเข้ากับสิ่งเหล่านี้ได้ดีไหม หรือเป็นไปได้ว่าในอนาคตคุณอาจต้องเปิดช่องทางโซเชียลมีเดียของตัวเอง
“ตอนนี้ยังไม่มีแพลนครับ แต่ในอนาคตผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ที่ผ่านมาผมได้เห็นศิลปินหลายคนเจอปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะ SNS (Social Networking Service) พอเห็นว่าพวกเขาเจอปัญหาค่อนข้างบ่อย เลยยังไม่ได้คิดที่จะสร้างขึ้นมาครับ อีกอย่างหนึ่ง ชีวิตผมก็ไม่ได้มีอะไรน่าจะเอามาโชว์สักเท่าไหร่” (หัวเราะ)
พูดถึงเรื่องโซเชียลมีเดีย คุณสนใจไปตามอ่านข่าวต่างๆ เกี่ยวกับผลงานของตัวเองไหม แล้วถ้าเจอคอมเมนต์ไม่ดี คุณวางใจในเรื่องนั้นๆ อย่างไร
“ถึงผมจะไม่มีโซเชียลมีเดีย แต่ก็ติดตามอ่านคอมเมนต์ตลอดนะครับ พอเห็นแล้วบางทีก็โมโหด้วย บางทีก็ขำด้วย ซึ่งผมเองก็เคารพมุมมองที่แตกต่างของแต่ละคนนะครับ”
สำหรับคุณที่เป็นนักแสดงมา 17 ปี อะไรคือสิ่งที่คุณได้เรียนรู้และอยากส่งต่อถึงนักแสดงรุ่นใหม่
“ถ้าอยากจะเป็นนักแสดง ต้องยอมแลกกับอะไรหลายอย่างมาก ตอนรุ่นผมที่เข้าวงการมาใหม่ๆ ไม่มีอิสระเลย ส่งผลถึงการแสดงด้วยที่มันจะดูไม่เป็นธรรมชาติได้เต็มที่ ผมไม่สามารถออกไปเที่ยวที่ไหนได้เลย ผมกังวลตลอด จนทำให้ตัวเองแทบไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย
“นักแสดงเกาหลีค่อนข้างต่างจากนักแสดงที่เมืองไทย ผมรู้สึกว่านักแสดงไทยมีอิสระในการใช้ชีวิตเยอะกว่ามากๆ แต่ไม่เป็นไรนะครับ ตอนที่ผมไปเมืองไทย ผมออกไปเที่ยวได้” (หัวเราะ)
โลกทุกวันนี้ทุกอย่างแทบจะเป็นเรื่องเดียวกันหมด รวมถึงคอนเทนต์จากเกาหลีที่กลายเป็น New Normal สำหรับผู้ชมทั่วโลก คุณมองประเด็นนี้อย่างไร
“ผมมองว่าความสำเร็จในทุกวันนี้เป็นผลจากการทำงานหนักกันมาตั้งแต่แรก ไม่ใช่แค่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ แต่รวมถึงทุกๆ คนที่ทำงานในวงการนี้ทั้งหมด ทั้ง K-Pop หรือ K-Drama
“ส่วนตัวผมยังไม่ได้คิดเรื่องที่จะทำอย่างอื่นนอกเหนือจากงานแสดงเลยนะครับ แต่ถ้าในอนาคตมีโอกาสได้ทำอะไรที่เกี่ยวกับวงการภาพยนตร์ ผมก็อยากจะลองทำดู”
คุณเคยให้สัมภาษณ์ว่าให้ความสำคัญกับงาน 80% การแต่งงานแค่ 20% แปลว่าคุณรักงานแสดงมากๆ โมเมนต์ตอนไหนที่คุณรู้สึกเป็นครั้งแรกว่านี่แหละคือการค้นพบอาชีพที่รักที่สุดในชีวิต
“ผมจำไม่ได้ว่าให้สัมภาษณ์เรื่องนี้กับที่ไหน แต่ผมพูดว่างาน 50% แต่งงาน 50% นะครับ ที่บอกว่า 80% กับ 20% น่าจะเป็นข่าวที่ไม่ถูกต้อง (หัวเราะ)
“กลับมาที่คำถาม ตอนปี 2000 ผมไปเรียนการแสดง พอไปเรียนครั้งแรกผมก็รู้สึกได้ในทันทีเลยว่า นักแสดงคืออาชีพของผม ผมรู้สึกได้แบบนั้นเลยจริงๆ แล้วพอเริ่มถ่ายภาพยนตร์ครั้งแรกผมคิดว่าตัวเองเข้ากับภาพยนตร์ได้ดี ไม่มีทำอะไรผิดพลาดเท่าไร”
อยากรู้ว่าคุณได้ย้อนไปดูผลงานแรกของตัวเองบ้างไหม
“ไม่เลยครับ (หัวเราะร่วน) ผมว่ามันไม่ค่อยน่าดูสักเท่าไรนะครับ”
ทิ้งท้ายกันด้วยคำถามสนุกๆ เรารู้ว่าคุณเป็นคนไม่เล่นโซเชียลมีเดีย แต่พอเราลองค้นข้อมูลเกี่ยวกับ คังดงวอน เราพบความน่าสนใจบางอย่างที่อยากให้คุณลองเลือกตอบจากภาพนี้
คุณคิดว่าใครคือคนที่ ‘People Also Search For’ ต่อจากคุณ
“ทุกๆ คนในนี้เป็นนักแสดงที่เคยถ่ายภาพยนตร์กับผม ยกเว้น คุณกงยู ที่เป็นญาติกับผม น้องสาวปู่คุณกงยูแต่งงานกับน้องชายปู่ผม จริงๆ ผมอยากให้มีนักแสดงไทยและนักแสดงคนอื่นๆ ขึ้นมาในนี้อีกนะครับ”
คนมักเข้ามาหาคำตอบบางอย่างใน Google Search อยากให้คุณช่วยตอบหนึ่งสิ่งที่ผู้คนมักค้นหาเกี่ยวกับ คังดงวอน
“ผมไม่รู้เลยว่าทำไมมี Running Man อยู่ในนี้ (หัวเราะ) ผมอยากเห็นคำค้นประมาณว่า Gang Dong Won Restaurant มากกว่าครับ เพราะผมเป็นคนชอบออกไปหาร้านอาหาร ผมรู้จักร้านอาหารอร่อยๆ เยอะมากนะครับ ทั้งในโซลและในกรุงเทพฯ ด้วย
“ผมอยากให้มีคนมาเปิดร้านอาหารไทยอร่อยๆ ที่อิแทวอน ผมชอบเย็นตาโฟมากๆ เป็นอาหารไทยที่ผมชอบที่สุดแล้ว เผ็ดๆ ก็กินได้นะครับ ร้านที่ผมชอบที่สุดคือ ก๋วยเตี๋ยวหมูรุ่งเรือง สุขุมวิท 26”
- คังดงวอน เกิดที่ปูซานในปี 1981 ตัวเขาเองเคยสอบวัดระดับไอคิวได้ถึง 137
- สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮันยาง ด้านวิศวะเครื่องกล
- ปี 2000 เข้าสังกัดโมเดลลิ่งและเริ่มทำงานเป็นนายแบบ ทั้งยังได้ร่วมเดินแบบให้กับ DKNY, Gucci และ Hugo Boss
- แสดงมิวสิกวิดีโอเพลง I Swear ให้กับศิลปิน โจซองโม ทำให้ คังดงวอน สนใจการแสดง จนตัดสินใจไปเรียนเพิ่มเติม และค้นพบสิ่งที่ตามหามาตลอดชีวิต
- คังดงวอน บอกว่า ภาพเก่าๆ ของเขากับผลงานซีรีส์เรื่องแรก Country Princess (2003) อาจจะไม่น่าดูนัก แต่เขาอนุญาตให้นำมาประกอบบทความได้