สถานการณ์เลวร้ายที่สุดซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ ถ้าเกิดพี่แฟนเก่าคนนั้นหมั่นไส้หนูแล้วมากลั่นแกล้ง หนูอย่าได้แคร์ ถ้าหนูทำงานดีแล้ว หนูทำตัวดี ทุกอย่างมันจะฟ้องเอง ทุกคนก็รู้แหละว่าใครทำตัวอย่างไรในออฟฟิศ แต่ถ้าหนูเป็นฝ่ายไปหาเรื่องเขา ก็คงไม่มีใครอยากจะช่วยหนู ของแบบนี้อยู่ที่หนูเลยว่าหนูวางตัวอย่างไร
Q: หนูเพิ่งมาทำงานที่ใหม่ได้ไม่นาน ปรากฏว่ามีพี่ที่ทำงานคนหนึ่งมาจีบค่ะ แต่พี่คนนั้นเคยเป็นแฟนกับพี่อีกคนซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกัน แต่หนูก็กลัวเหมือนกันว่าแฟนเก่าของเขาจะรู้สึกไม่ดีกับหนูขึ้นมาแล้วจะมีผลกระทบกับงาน หนูควรจะทำอย่างไรดีคะ
A: เรื่องรักในออฟฟิศนี่ทำให้หัวใจชุ่มชื่นดีนะครับ ทำให้เราอยากทำงานขึ้นมา — นิดหนึ่ง เอาเป็นว่าเช้าวันจันทร์ก็ไม่น่าเบื่ออีกต่อไปละนะ
พี่ตอบไม่ได้หรอกครับว่าคุณพี่แฟนเก่าเขาคิดอย่างไร คือมันก็มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะไม่ได้คิดอะไรเลย หรือเขาก็ยังมีเยื่อใยกับแฟนเก่าของเขาอยู่ แต่พยายามไม่แสดงออกให้เป็นปัญหา หรือก็อาจจะเป็นไปได้เช่นกันว่า เขารับความจริงไม่ได้และพาลหมั่นไส้ไม่ชอบหนูไปด้วย ก็เป็นไปได้หมดแหละ
โดยหลักการแล้ว เมื่อเลิกกันก็คือเลิกกันแล้ว แปลว่าต่างคนต่างมีชีวิตใหม่ได้ โดยจะคบหาใครก็ได้ ไอ้เห็นแฟนเก่ามีคนใหม่ก็คงอาจจะมีอารมณ์จุกอกกันบ้าง (โดยเฉพาะถ้าเขามีก่อนเรานะ ฮ่าๆ) แต่ก็ไม่มีสิทธิ์จะมาหึงหวงกันแล้ว
เจ็บได้แต่ต้องเจ็บแบบมืออาชีพ คือเจ็บแบบไม่สร้างปัญหาให้คนอื่นและไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ไปเลียแผลเงียบๆ อย่างไรเสียชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป แต่นั่นเป็นส่วนที่คนเป็นแฟนเก่าต้องไปจัดการจิตใจของเขาเอง เราคงไปทำแทนไม่ได้ เอาเป็นว่าเรามาคุยกันดีกว่าว่า แล้วหนูทำอย่างไรได้บ้าง?
พี่คิดว่าเรื่องนี้ถ้าหนูตั้งใจทำงานให้ดี ให้ผลงานแสดงออกถึงคุณภาพในตัวของมันเอง และทำตัวดี ไม่ประเจิดประเจ้อ มันก็เป็นเกราะป้องกันภัยให้หนูเองนะ
กับแฟนเก่าของพี่คนนั้นที่หนูต้องทำงานร่วมกันอยู่ หนูก็ให้เกียรติเขาในฐานะพี่ร่วมงาน ถ้าหนูทำตัวดี นอบน้อมน่ารัก หนูก็อยู่ออฟฟิศนี้ได้สบายๆ สวยๆ
มันอาจจะมีช่วงเวลาที่เคมีไม่เข้ากันบ้างถ้าหากแผลของพี่คนนั้นเขายังไม่หายดี แต่พี่ว่าถ้าหนูทำตัวน่ารัก แสดงออกว่าหนูมาดี ไม่ได้คิดร้ายอะไรกับใคร เดี๋ยวเขาก็รู้และเข้ากันได้เอง ใช้เวลาหน่อย อย่าเพิ่งมีกำแพง ตอนนี้อาจจะยังไม่รู้จักกันดีพอ ก็อาจจะมีหมั่นไส้กันเป็นธรรมดา เผลอๆ ต่อไปจะกอดคอกันเป็นพี่สาว-น้องสาว เป็นคุณแม่-คุณลูกก็ได้ มีเยอะไปที่เกลียดกันตอนแรก แต่ตอนหลังกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน และไม่ต้องไปหึงว่าพี่คนนี้เคยเป็นแฟนเก่าเลยต้องจับตาดูเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นหนูจะเป็นบ้าที่ต้องคอยตามหึงอยู่ตลอดเวลา แล้วงานการก็จะเสียเพราะแบบนี้
รักแค่ไหนแต่ความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานก็ต้องมี ต้องรู้ว่าเราสวมหมวกใบไหนในเวลาอะไร เวลาทำงานก็ต้องทำงานให้ดี เวลาเป็นคนรักก็ทำหน้าที่คนรักให้ดี
แต่สำหรับ Worst Case Scenario หรือสถานการณ์เลวร้ายที่สุดซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ ถ้าเกิดพี่แฟนเก่าคนนั้นหมั่นไส้หนูแล้วมากลั่นแกล้ง หนูอย่าได้แคร์ ถ้าหนูทำงานดีแล้ว หนูทำตัวดี ทุกอย่างมันจะฟ้องเอง ทุกคนก็รู้แหละว่าใครทำตัวอย่างไรในออฟฟิศ แต่ถ้าหนูเป็นฝ่ายไปหาเรื่องเขา ก็คงไม่มีใครอยากจะช่วยหนู ของแบบนี้อยู่ที่หนูเลยว่าหนูวางตัวอย่างไร
อันนี้ไม่ได้แช่ง แต่สมมตินะ สมมติว่าถ้าถ่านไฟเก่ามันเกิดปะทุขึ้นมา อย่าได้ไปเสียใจกับคนที่เขาไม่รักเราจริงให้มากนัก ให้ถือว่าดีแล้วที่คนแบบนี้ไปจากเรา เขามีความสุขของเขา เราก็ไปมีความสุขของเรา
ถ้าจะให้พี่แนะนำ พี่คิดว่าลองใช้เวลาดูกันนานๆ หน่อยก็ดีนะครับ ความรักยุคซูเปอร์ไฮสปีดอินเทอร์เน็ตนี่มันมาไวไปไวเหลือเกิน เดี๋ยวนี้คนเขาคบกันเป็นหลักสัปดาห์นะ ตอนจีบกันใหม่ๆ อะไรๆ ก็ดีแหละ ยิ่งเปลี่ยนสถานที่ใหม่ ทุกอย่างใหม่หมด มาเจอคนหน้าใหม่ อะไรก็น่าตื่นเต้น มีคนจีบยิ่งน่าตื่นเต้นเข้าไปใหญ่
แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าคนนี้ใช่ มีแต่เวลาเท่านั้นแหละครับที่จะบอกเราได้ ตอนนี้ต่างคนต่างตื่นเต้นกับความใหม่กันอยู่ แต่นานไปจะยังใช่กันอยู่หรือเปล่า เพราะฉะนั้น ก่อนจะตกลงปลงใจใดๆ เอาให้แน่ใจก่อนว่ารักกันจริง เรามั่นใจในตัวเขา เขามั่นใจในตัวเรา
ถ้าเขาไม่ใช่ เราก็จะรู้ตัวเอง หรือถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็จะหายไปเอง พวกออกตัวแรงจีบกันใหม่ๆ แล้วแสดงออกว่ารักกันปานจะกลืนกินนี่เวลาเลิกกันโคตรหมาเลยน้องเอ๋ย
อีกอย่างก็เพื่อภาพลักษณ์ของหนูด้วย ย้ายงานมาไม่ทันไรได้แฟนใหม่เสียแล้ว พี่ว่ามันจะดูยังไงๆ อยู่นะ
*ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์ไปที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์
ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai