รัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่ม G7 ชี้ พร้อมยืนหยัดทัดทานจีน โดยเฉพาะกรณีไต้หวัน

เจ้าหน้าที่อาวุโสประจำกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาเผยว่า ที่ประชุมกลุ่มประเทศ G7 ระดับรัฐมนตรีต่างประเทศที่กำลังจัดขึ้นที่เมืองคารุอิซาวะ จังหวัดนากาโนะของญี่ปุ่น มีมติเห็นพ้องร่วมยืนหยัดทัดทานต่อท่าทีที่แข็งกร้าวของจีนในแถบภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก โดยเฉพาะความพยายามในการเข้าควบคุมช่องแคบไต้หวัน ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ ยังเผยอีกว่า “กลุ่มประเทศ G7 ต้องการทำงานร่วมกันกับจีนในมิติต่างๆ ที่ทางการจีนเตรียมพร้อมที่จะทำงานร่วมกันกับพวกเรา แน่นอนว่าเราจะยืนหยัดต่อต้านการบีบบังคับ ความพยายามในการควบคุมตลาด รวมถึงความพยายามใดๆ ในการเปลี่ยนแปลงสถานะที่เป็นอยู่ (Status Quo) ในบริเวณช่องแคบไต้หวัน”

บรรดารัฐมนตรีในกลุ่มประเทศ G7 พยายามที่จะแสดงจุดยืนที่เป็นเอกภาพร่วมกัน ภายหลังจากที่หลายชาติตะวันตกมองว่าประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสที่เดินทางเข้าพบประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนที่กรุงปักกิ่งเมื่อไม่นานที่ผ่านมานี้ มีท่าทีโอนอ่อนต่อจีนมากเกินไป จนเกิดกระแสตีกลับในท้ายที่สุด

โยชิมาสะ ฮายาชิ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้แทนระดับสูงเพียงประเทศเดียวจากเอเชียในกลุ่ม G7 แสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความพยายามที่จะดำเนินการใดๆ ที่เป็นไปได้ของทางการจีนต่อไต้หวันที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมแสดงความเห็นว่า “ผลกระทบต่อสันติภาพและเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวันไม่ได้ส่งผลต่อเฉพาะประเทศของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความปลอดภัยในวงกว้างและความมั่นคงของประชาคมระหว่างประเทศด้วยเช่นกัน”

ทางด้าน อันนาเลนา แบร์บอก รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี เผยขณะเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ว่า “บรรดาพันธมิตรของเราภายในภูมิภาคนี้ต่างรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าทางการจีนต้องการที่จะแลกเปลี่ยนกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันร่วมกันกับกฎเกณฑ์ของตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ”

โดยบรรดาประเทศสมาชิกกลุ่ม G7 ไม่ว่าจะเป็นแคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น อิตาลี สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ต่างสนับสนุน Status Quo ภายในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ย้ำชัดว่าตนเองไม่ได้สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวันแต่อย่างใด นอกจากนี้ทั้งหมดยังต่อต้านการยั่วยุหรือการกระทำใดๆ ของรัสเซียและเกาหลีเหนือที่ขัดกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศอีกด้วย

ภาพ: Yuichi Yamazaki / Pool / AFP

อ้างอิง: