กลุ่ม G7 ตกลงให้ความช่วยเหลือ ‘อินโดนีเซียกับเวียดนาม’ ในการเลิกพึ่งพาโรงไฟฟ้าถ่านหิน และหันมาใช้พลังงานสะอาด

กลุ่ม G7 ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก ตกลงที่จะให้การสนับสนุนทางการเงินและทางเทคนิคเพื่อช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนาเปลี่ยนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินเป็นพลังงานหมุนเวียน โดยเบื้องต้นมี 4 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย เวียดนาม อินเดีย และเซเนกัล

คาดว่าข้อตกลงจะสามารถบรรลุได้โดยเร็วที่สุดในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม สภาพภูมิอากาศ และพลังงานของกลุ่ม G7 ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ โดย Nikkei Asia รายงานว่า ญี่ปุ่นจะช่วยหลายประเทศรวมทั้งอินโดนีเซีย

แอฟริกาใต้ได้รับการสนับสนุนให้เลิกใช้ถ่านหินในการประชุมครั้งที่ 26 ของภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26) ในปี 2021 ประเทศต่างๆ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรได้ให้เงินช่วยเหลือ 8.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านไปใช้พลังงานหมุนเวียนและการปิดโรงไฟฟ้าถ่านหิน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

กลุ่ม G7 จะขยายกรอบการสนับสนุนนี้ ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ คาดว่าจะเป็นผู้สนับสนุนหลักของอินโดนีเซีย ขณะที่สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปจะเป็นผู้สนับสนุนหลักให้กับเวียดนาม และสหรัฐฯ กับเยอรมนีจะสนับสนุนอินเดีย สำหรับจำนวนเงินช่วยเหลือนั้นจะขึ้นอยู่กับการเจรจาในอนาคต

ความคิดริเริ่มนี้ยังจะใช้แผนการจัดหาเงินทุนของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย สำหรับการเปลี่ยนผ่านการใช้ถ่านหินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงแรก

คณะกรรมาธิการยุโรปวางแผนที่จะเก็บ ‘ภาษีพรมแดนคาร์บอน’ ซึ่งจะกำหนดภาษีศุลกากรสำหรับการนำเข้าจากประเทศที่มีกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่หละหลวม ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนายังคงพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลได้ออกมาคัดค้านอย่างรุนแรง โดยอ้างว่าเป็นอุปสรรคต่อการค้าเสรี การสนับสนุนการพัฒนาที่ไม่ใช้ถ่านหินในประเทศกำลังพัฒนามีจุดมุ่งหมายเพื่อจัดการกับการวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว

ญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียวในกลุ่ม G7 ที่ไม่ได้ประกาศความตั้งใจที่จะเลิกใช้ถ่านหิน ในขณะที่ยุโรปและสหรัฐอเมริกาได้เรียกร้องให้ยุติการใช้ถ่านหินอย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากการจัดการกับการสนับสนุนเฉพาะสำหรับประเทศกำลังพัฒนาแล้ว สมาชิกกลุ่ม G7 ยังเผชิญกับความท้าทายในการทำให้มั่นใจว่าได้รับการสนับสนุนในปริมาณที่จำเป็น

อ้างอิง: