การประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ประจำปี 2019 เปิดฉากขึ้นที่นครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ในวันนี้ (28 มิ.ย.) ท่ามกลางกระแสวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่กำลังสร้างความผันผวนในตลาดหุ้นและตลาดเงินทั่วโลก ขณะที่บรรดาผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ประสานเสียงเตือนว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงนี้ กำลังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลก
ไฮไลต์ที่ทั่วโลกจับตามองในการประชุม G20 คราวนี้คือการเจรจากันนอกรอบระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ และสีจิ้นผิง เพื่อหาทางยุติสงครามการค้าที่ดำเนินยืดเยื้อมาเกือบ 1 ปีเต็ม แต่นอกจากประเด็นการค้าแล้ว ที่ประชุมยังมีวาระสำคัญอื่นๆ ในการหารือร่วมกัน ตั้งแต่ประเด็นปัญหานิวเคลียร์อิหร่าน สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ความคืบหน้าในการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ไปจนถึงปัญหาโลกร้อนและความท้าทายในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสงครามการค้ามีแนวโน้มทวีความตึงเครียดและขยายวงกว้างขึ้น จึงทำให้นานาชาติอดวิตกไม่ได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลก
ฌอง-โคลด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ มีความยุ่งยากซับซ้อน และเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกให้ขยายตัวช้าลง
ยุงเกอร์ระบุว่า สหภาพยุโรปไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้หารือกับทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ และจีน เพื่อเตือนถึงผลกระทบที่ร้ายแรงจากความขัดแย้งที่ก่อตัวขึ้นนี้ ขณะเดียวกัน EU ยังทำงานร่วมกับสหรัฐฯ, จีน, ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อปฏิรูปองค์การการค้าโลก และสร้างโอกาสที่เท่าเทียมในเวทีการค้า
ในด้านการเมืองระหว่างประเทศ โดนัลด์ ทัสก์ ประธานคณะมนตรียุโรป ได้แสดงความกังวลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังปรากฏแนวโน้มว่าอิหร่านจะละเมิดข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทำกับนานาชาติ
ทัสก์ระบุว่า สหภาพยุโรปจะสังเกตการณ์การปฏิบัติตามข้อตกลงของอิหร่านอย่างใกล้ชิด พร้อมเรียกร้องให้อิหร่านทำตามพันธกรณีในข้อตกลงนิวเคลียร์อย่างเคร่งครัด
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: