ตั้งแต่ต้นปี 2024 ราคา Bitcoin ปรับตัวขึ้นประมาณ 50% ไปทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีที่ราว 64,000 ดอลลาร์ แต่การที่ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในแต่ละปี อาจไม่ได้ช่วยให้นักลงทุนทุกคนมีกำไรถ้วนหน้า
จากการศึกษาของ Fundstrat ซึ่ง Hunter Horsley ซีอีโอของ Bitwise แชร์ผ่านแพลตฟอร์ม X สะท้อนว่า หากนักลงทุนที่ซื้อขาย Bitcoin พลาดโอกาสได้กำไรจาก Bitcoin ใน 10 วันที่ราคาปรับตัวขึ้นมากที่สุดของแต่ละปี อาจทำให้กำไรจากการซื้อขาย Bitcoin ในแต่ละปีลดลงอย่างมาก หรืออาจกลายเป็นขาดทุน ทั้งๆ ที่ในปีนั้นๆ ราคา Bitcoin ปรับตัวขึ้น และอาจทำให้การซื้อขายเก็งกำไรราคา Bitcoin ในระยะสั้นให้ผลตอบแทนย่ำแย่กว่าการใช้กลยุทธ์แบบทยอยซื้อ (DCA) หรือการซื้อด้วยเงินทั้งหมดในทีเดียวและถือในระยะยาว
อย่างปี 2024 หากตัดวันที่ราคาปรับตัวขึ้นมากที่สุด 10 วันออกไป ผลตอบแทนจากการลงทุนใน Bitcoin จะกลายเป็น -15% หรืออย่างปี 2021 ที่เป็นตลาดกระทิงของ Bitcoin หากซื้อขาย Bitcoin เฉพาะวันที่ราคาปรับตัวขึ้นแรงที่สุด 10 วัน จะให้ผลตอบแทน 179% ส่วนอีก 355 วันที่เหลือจะให้ผลตอบแทน -43%
ความสนใจต่อการลงทุนใน Bitcoin รวมทั้งการซื้อขายเก็งกำไรกลับมาคึกคักอีกครั้งในปีนี้ โดยเฉพาะการลงทุนผ่านกองทุน Bitcoin Spot ETF
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปริมาณการซื้อขายภายในวันของกองทุน IBIT ซึ่งเป็น Bitcoin Spot ETF ของ BlackRock พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงถึง 3.3 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 1.2 แสนล้านบาท ปรับตัวขึ้นจากวันอังคาร (27 กุมภาพันธ์) ที่ระดับ 1.35 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 4.7 หมื่นล้านบาท มากกว่า 100% ท่ามกลางการปรับตัวขึ้นของราคา Bitcoin สู่ระดับ 64,000 ดอลลาร์
ไม่เพียงเท่านั้น หากนับรวมมูลค่าการซื้อขายของกองทุน Bitcoin Spot ETF ทั้ง 10 กอง มีมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 7.7 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 2.7 แสนล้านบาทต่อวัน ซึ่งเป็นระดับที่มากที่สุดนับตั้งแต่การเปิดตัว Bitcoin Spot ETF ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา
Eric Balchunas นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence ระบุว่า ในขณะนี้ IBIT ยังเป็นกองทุนประเภท ETF (Exchange Traded Fund) ที่มีการซื้อขายมากเป็นอันดับ 4 ของสหรัฐฯ และอีก 3 กองทุน Bitcoin Spot ETF ก็ยังติดอันดับการซื้อขายกองทุน ETF ที่มีปริมาณมากสุด 20 อันดับแรกของสหรัฐฯ อีกด้วย
ทั้งนี้ ราคา Bitcoin ที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะยังไม่สามารถทำลายสถิติเดิมที่เคยทำไว้ที่ 69,000 ดอลลาร์ แต่หากคำนวณในสกุลเงินของแต่ละประเทศ จะเห็นว่าราคา Bitcoin ในกว่า 10 ประเทศ สามารถพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นที่เรียบร้อย เช่น ตุรกี, อาร์เจนตินา, อียิปต์, ปากีสถาน, ไนจีเรีย, ญี่ปุ่น และเลบานอน รวมทั้งไทยที่ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นไปสูงเกือบ 2.3 ล้านบาท สูงกว่าสถิติเดิมที่เคยทำไว้ที่ราว 2.2 ล้านบาท
การพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ของราคา Bitcoin ในหลายประเทศ สะท้อนถึงการอ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญของสกุลเงินในหลายประเทศทั่วโลกเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ ทำให้สกุลเงินดิจิทัลหลักอย่าง Bitcoin ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ
การสูญเสียมูลค่าของสกุลเงินลีราของตุรกี เปโซของอาร์เจนตินา รวมถึงสกุลเงินเยนของญี่ปุ่น เมื่อเทียบกับดอลลาร์ส่งผลให้กำลังซื้อลดลง แต่สกุลเงินดิจิทัลในประเทศเหล่านี้กลับเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง ทำให้หลายคนมองว่า Bitcoin ได้กลายเป็นสินทรัพย์ที่ใช้หลบภัยจากการอ่อนค่าของสกุลเงินท้องถิ่นต่างๆ รวมทั้งความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ Bitcoin ในตลาดกระทิงรอบนี้ ที่แตกต่างไปจากตลาดขาขึ้นรอบก่อนหน้านี้
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง:
- https://cryptoslate.com/insights/missing-bitcoins-top-10-days-a-year-could-cost-you-all-annual-gains-fundstrat/
- https://www.coindesk.com/markets/2024/02/28/blackrock-bitcoin-etf-breaks-volume-record-as-bitcoin-rallies-to-64k-before-plunging/?_gl=1*4gx122*_up*MQ..*_ga*ODIzNzAzMzI0LjE3MDkxODE0MTE.*_ga_VM3STRYVN8*MTcwOTE4MTQxNy4xLjAuMTcwOTE4MTQxNy4wLjAuMA..
- https://cryptoslate.com/insights/bitcoin-hits-new-all-time-highs-against-14-national-currencies-balaji/
- https://twitter.com/HHorsley/status/1762660112915964385?s=20