Q: เพิ่งรู้ว่าเพื่อนที่ทำงานมีกรุ๊ปไลน์ซึ่งในนั้นเราไม่ได้รับเชิญให้อยู่ในกลุ่มด้วย รู้สึกเฟลเหมือนกันค่ะ ไม่รู้ว่าเขาไม่ชอบอะไรเราหรือเปล่า หรือจะคุยอะไรเกี่ยวกับเราแบบไม่ให้เรารู้ไหม เจอแบบนี้เราควรทำอย่างไรดีคะ
A: ผมคิดว่าถ้าเรื่องกรุ๊ปไลน์ที่ไม่มีเราอยู่จะเป็นปัญหาก็ต่อเมื่อมันเป็นกรุ๊ปไลน์ที่เป็นเรื่องงานแล้วเขาไม่เอาเราเข้ากลุ่มนั่นแหละครับ อันนั้นกระทบกับงานจริง เพราะในกรุ๊ปไลน์นั้นเขาก็คงอัปเดตเรื่องงานกันอยู่ ถ้าไม่มีเราในกรุ๊ปนั้นเราอาจจะตกข่าวหรือตกหล่นเรื่องการทำงานก็ได้ แม้ว่าไลน์จะไม่ใช่ทั้งหมดทั้งมวลของการสื่อสารก็เถอะ แต่คนเราก็ใช้ไลน์เป็นสื่อในการสื่อสารกันอยู่ตลอด เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นกรุ๊ปไลน์เรื่องงานแล้วไม่มีเราอยู่นี่สิ อันนี้เป็นปัญหา แต่เรื่องนี้เราก็บอกทีมทำงานได้ว่าช่วยแอดเราเข้ากรุ๊ปไลน์นั้นด้วย แค่นั้นเลย จบข่าวทำงานต่อได้
แต่ถ้าเป็นกรุ๊ปไลน์ที่เอาไว้คุยกันฮิฮะเฮฮา ไม่ได้มีอะไรซีเรียส ถ้าเราจะไม่ได้อยู่ในกลุ่ม ผมว่าก็เข้าใจได้ว่าคุณอาจจะรู้สึกแปลกแยก รู้สึกไม่เป็นพวกเดียวกัน มนุษย์ก็มีความรู้สึกแบบนั้นได้ครับ แต่ผมอยากจะบอกว่า เราอย่าเอากรุ๊ปไลน์เป็นสรณะ หรือเอาเป็นตัวชี้วัดความสัมพันธ์ไปหมด ผมคิดว่าถ้าความสัมพันธ์ที่เราเจอหน้ากันมันโอเค เราทำงานร่วมกันได้ เราไม่ได้มีความรู้สึกไม่ดีต่อกัน อันนั้นสำคัญกว่า
เพื่อนร่วมงานก็คือเพื่อนที่ทำงานร่วมกัน แต่ถ้าได้เพื่อนร่วมงานที่สนิทมากกว่าเรื่องงาน ผมคิดว่าเป็นโบนัส เพราะฉะนั้น ถ้าบนเรื่องงานมันโอเคอยู่ ทุกคนทำงานร่วมกันได้ ถือว่าเราบรรลุจุดประสงค์ของการเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้วครับ มันดีมากแล้ว แต่ถ้าได้เพื่อนร่วมงานที่สนิทด้วย คุยกันเรื่องอื่นได้ มีส่วนร่วมในเรื่องอื่นๆ นอกจากงานได้ ค่อยถือว่าเราได้โบนัสในความสัมพันธ์ แต่ถ้าไม่ได้โบนัสในข้อนี้ ไม่ได้แปลว่าเราพร่องอะไรนะครับ
เราไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในทุกเรื่อง มนุษย์มีการรวมกลุ่มในเรื่องที่สนใจร่วมกัน บางเรื่องเพื่อนที่ทำงานของคุณก็อาจจะรวมกลุ่มกันในกรุ๊ปไลน์เพราะเขามีความสนใจร่วมกันบางอย่าง ซึ่งถ้าเราสนใจเหมือนกันก็เป็นไปได้ครับที่เราจะเข้าร่วมกลุ่มกันได้ แต่ถ้าไม่ได้สนใจเหมือนกัน ก็ไม่เป็นไรครับ เอาไว้เรื่องไหนที่เราเข้ากันได้ก็อยู่ด้วยกัน
ส่วนเรื่องเพื่อนร่วมงานจะพูดอะไรถึงเราในกรุ๊ปไลน์นั้นหรือเปล่า บางทีเขาอาจจะไม่ได้มีอะไรไม่ชอบเราหรอกครับ แต่เขาแค่มีกลุ่มที่สนิทกัน ความสนใจร่วมกันอยู่ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับเราแค่นั้น มนุษย์มีสิทธิ์ในการบริหารความสัมพันธ์ของเราเอง บางคนอาจจะบริหารด้วยการคัดเลือกคนที่มาอยู่ด้วยกันในแต่ละพื้นที่ คุณเองก็มีสิทธิ์ เพื่อนเองก็มีสิทธิ์ เพราะฉะนั้น ตรงไหนที่เราจะอยู่ร่วมกันได้แล้วโอเค ให้อยู่ตรงนั้นครับ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในทุกพื้นที่ มีระยะห่างระหว่างกันบ้างถึงจะดี
ความทุกข์หลายอย่างมีต้นเหตุมาจากตัวเราคิดฟุ้งไปเอง จากจุดเริ่มต้นที่เพื่อนร่วมงานไม่ชวนคุณเข้ากรุ๊ปไลน์ มันทำให้คุณคิดต่อว่าหรือเพื่อนจะไม่ชอบคุณ และถ้าเพื่อนไม่ชอบคุณแล้วเขาต้องนินทาคุณแน่เลย ฯลฯ ความคิดของเรามันก็จะต่อยอดไปเรื่อยๆ ทุกข์ต่อไปเรื่อยๆ เข้าใจได้นะครับว่ามนุษย์เราจะรู้สึกแบบนี้ได้ คิดแบบนี้ได้ แต่เมื่อมีสติแล้ว ผมอยากให้คุณค่อยๆ จำกัดความทุกข์ไม่ให้ลุกลาม เหมือนไม่ปล่อยให้ไฟมันลามไปไหม้ที่อื่นจนเสียหายไปทั่ว ไม่งั้นคุณจะทุกข์มาก เผลอๆ อาจจะทุกข์บนเรื่องที่ไม่ได้มีอะไรอย่างที่เราคิดก็ได้ครับ เสียพลังงานเปล่าๆ
เรื่องสงสัยว่าเพื่อนมีอะไรไม่ชอบในตัวเราไหม เรื่องนี้อย่าดูแค่กรุ๊ปไลน์อย่างเดียวครับ อย่างที่บอกครับว่าลองมาดูว่าในชีวิตจริงความสัมพันธ์เราเป็นอย่างไรกันบ้าง พวกเขามึนตึงเฉยชากับคุณไหม พวกเขามีปฏิกิริยาอะไรหรือเปล่าเวลาคุณทำอะไร ถ้าดูแล้วไม่มี ผมคิดว่าเราทำตัวปกติก็สบายใจดีนะครับ พวกเขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรไม่ดีกับคุณก็ได้ แต่ถ้าดูทรงแล้ว ดูอย่างใจที่ไม่มีอคติหรือคอยจับผิดตั้งเป้าว่าเขาต้องเกลียดเราแน่เลย แล้วเรารู้สึกได้จริงๆ ว่าความสัมพันธ์ของเรามีปัญหา ผมคิดว่าถามกันตรงๆ ก็ได้ครับ เคลียร์กันเพื่อความสบายใจ ให้เขารู้ว่าเราก็ไม่สบายใจเหมือนกันถ้าเราทำให้ใครไม่สบายใจ
ผมคิดว่าเวลามาคิดว่าต้องมีคนนินทาเราแน่เลย มันน่าปวดหัวนะครับ นินทาไหมไม่รู้ แต่เอาจริงๆ มนุษย์ก็หนีไม่พ้นเรื่องการถูกพูดถึงไม่ได้อยู่แล้ว ผมจะบอกว่าไม่ต้องรู้ทุกเรื่องก็สบายใจดีนะครับ เขาจะนินทาหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของเขา อาจจะทำหรือไม่ทำอันนั้นเราไม่สามารถรู้ได้ และขวนขวายหาคำตอบไปบางทีก็เครียดเปล่าๆ ไม่รู้ก็สบายใจดี เรื่องที่เราทำได้คือเราทำดีของเรา อะไรที่เป็นความสุขของเราที่จะไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนและตัวเราก็ไม่ได้เดือดร้อน ให้ทำสิ่งนั้นครับ แต่อะไรที่ถ้ารู้แล้วจะไม่สบายใจ เราไม่ต้องรู้ก็ได้
ผมคิดว่าคนที่หวังดีกับเราเขาจะเดินมาบอกเราว่าเราควรปรับปรุงอะไร แต่ถ้าเขาแค่นินทาเราเฉยๆ ผมก็มองไม่เห็นว่าเขาหวังดีกับเรานะครับ ความหวังดีมันเกิดจากการที่อีกฝ่ายอยากเป็นกระจกสะท้อนให้เรารู้ว่าเราสามารถปรับปรุงตรงไหนได้ ปรับปรุงแล้วมันจะดีมากเลย เพราะเขารักเรา แต่ถ้านินทากัน มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เราก็ไม่ได้ปรับปรุงตัว และตัวเขาเองก็ต้องเจอเรื่องไม่ดีจากเราต่อให้เขาทุกข์ใจต่อ ไม่มีใครดีขึ้นสักคน
คิดในแง่ดี คุณเคยเจอไหมครับที่กรุ๊ปไลน์หลายกรุ๊ปส่งข้อความมาพร้อมกันหมด รวมๆ กันเป็นหลายร้อยข้อความ บางทีก็อ่านไม่ไหวนะครับ ไล่อ่านหมดก็หมดเวลาไปเยอะ แล้วข้อความมันก็เด้งเตือนอยู่ตลอดเวลา เวลานอนก็ยังแชตกันอยู่อีก ตื่นมาตอนเช้าตามอ่านไม่ทันอีก โอ๊ย! ส่งอะไรกันมา หรือต่อให้ปิดเสียงไว้ แต่ถ้าเราเห็นข้อความมันเยอะๆ มีหรือเราจะไม่กดอ่าน แล้วเพราะฉะนั้น ถ้าจะไม่มีกรุ๊ปไลน์อีกสักกรุ๊ป เราก็อาจจะไม่ต้องสำลักข้อความก็ได้นะครับสบายใจดี
เพราะฉะนั้น โฟกัสที่ความสัมพันธ์ในชีวิตจริงครับ ถ้าความสัมพันธ์ในชีวิตจริงดีอยู่ เท่านั้นดีมากแล้ว แต่ละคนมีสิทธิ์บริหารความสัมพันธ์ มีสิทธิ์เลือกคนเข้ามาในพื้นที่ชีวิตของเราเองโดยที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในทุกพื้นที่ แต่ในทุกพื้นที่ที่เราอยู่ร่วมกัน ขอให้เราทำให้ความสัมพันธ์เป็นไปด้วยดี เราไม่จำเป็นรู้ทุกเรื่อง แต่ขอให้เรื่องที่ได้รู้เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์กับชีวิต เช่นเดียวกัน เราไม่จำเป็นต้องคิดทุกเรื่อง แต่ขอให้ทุกเรื่องที่คิดเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์กับชีวิต
สบายใจขึ้นแล้วใช่ไหมครับ
ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์ไปที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์
ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์