×

ทำไม เฟรนช์ โอเพ่น จึงเป็นแกรนด์สแลมที่ยากต่อการพิชิตมากที่สุด?

30.05.2023
  • LOADING...
เฟรนช์ โอเพ่น

เฟรนช์ โอเพ่น แกรนด์สแลมที่ 2 ของปี เปิดฉากอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ต่อเนื่องจนถึงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา และบรรดานักเทนนิสระดับโลกหลายคนก็ตบเท้าเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์แกรนด์สแลมคอร์ตดินกันอย่างครบถ้วน ขาดแต่ตัวเอกของรายการอย่าง ราฟาเอล นาดาล ‘ราชาคอร์ตดิน’ ที่ประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บจนต้องถอนตัวออกไปก่อนหน้ารายการนี้จะเริ่มเกือบ 3 สัปดาห์

 

แต่ถึงอย่างนั้นดรีมแมตช์ในฝันของใครหลายคนก็ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเจอกันของ การ์รอส อัลการาซ นักเทนนิสมือ 1 ของโลกชาวสเปน ที่อาจจะโคจรไปพบกับ โนวัค โยโควิช นักหวดมือ 3 ของโลกและแชมป์เก่า เป็นครั้งที่ 2 ในอาชีพ ที่รอบรองชนะเลิศ

 

ขณะที่ในฝ่ายหญิง เราก็อาจจะได้เห็น ‘ดรีมไฟนอล’ อย่างการเจอกันของ อีกา ซิออนเท็ก นักหวดหญิงมือ 1 ของโลกชาวโปแลนด์ ที่มีโอกาสพบกับ อารีนา ซาบาเลนกา นักหวดมือ 2 ของโลกจากเบลารุส ในรอบชิงชนะเลิศเช่นกัน

 

เฟรนช์ โอเพ่น

 

แต่ที่ว่ามานั้นเราอาจจะไม่ได้เห็นพวกเขาและเธอไปเจอกับคนที่ควรจะเจอตามนัดกันเสียหมด เพราะศึกที่โรลังด์ การ์รอส ในกรุงปารีส เป็นที่รู้กันดีสำหรับทั้งนักเทนนิสและแฟนๆ ว่าเป็นแกรนด์สแลมที่ยากจะพิชิตมากที่สุดในบรรดาแกรนด์สแลมทั้งหมด

 

นี่ไม่ใช่การด้อยค่าแกรนด์สแลมอื่นๆ หรือจะบอกว่าแกรนด์สแลมอื่นๆ คว้าได้ง่ายกว่ากันขนาดนั้น แต่ ‘ความยาก’ เฟรนช์ โอเพ่น เป็นความยากอันมีที่มา เพราะแม้ว่าแกรนด์สแลมอื่นๆ ก็สมควรได้รับการขนานนามว่า ‘ท้าทาย’ และ ‘ยาก’ ที่จะคว้าชัย

 

แต่คอร์ตดินของเฟรนช์ โอเพ่น ขึ้นชื่อเรื่องการทำลายร่างกายและจิตใจของผู้เล่นอย่างช้าๆ

 

สิ่งแรกที่บรรดานักเทนนิสพูดถึงเมื่อนึกถึงโรลังด์ การ์รอส คือเรื่องของ ‘พละกำลัง’ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าเทนนิสแกรนด์สแลมต้องเล่นแบบ 3 ใน 5 เซ็ต แต่สิ่งที่ทำให้เฟรนช์ โอเพ่น ทรหดกว่าแกรนด์สแลมอื่นๆ คือเหตุผลง่ายๆ ว่ามันเป็นการเล่น 3 ใน 5 เซ็ตบนคอร์ตดิน

 

เฟรนช์ โอเพ่น

 

การเล่นบนคอร์ตดินต้องใช้แรงมากกว่าปกติอยู่แล้ว เนื่องจากความเร็วของลูกที่กระดอนในคอร์ตจะค่อนข้างต่ำ ทำให้ผู้เล่นต้องโต้ลูกกันนานกว่าปกติ ซึ่งการจะได้แต้มในคอร์ตดินจะต้องอาศัยการยิงเพื่อเปิดพื้นที่และหาจังหวะให้ตัวเองสามารถยิงวินเนอร์เก็บแต้มให้มากที่สุด จึงทำให้ในขณะเดียวเดียวกัน นอกจากจะโต้ง่ายกกว่าคอร์ตอื่นๆ แล้ว นักเทนนิสยังต้องอาศัยการวิ่งเยอะกว่าคอร์ตอื่นๆ ด้วย

 

นอกจากนี้ โดยทั่วไปบนคอร์ตดิน ลูกเทนนิสจะกระดอนได้สูงกว่าคอร์ตอื่นๆ ทำให้ผู้เล่นต้องใช้พลังงานมากขึ้นเมื่อตีลูกบอล ดังนั้นคอร์ตที่บอลกระดอนช้ากว่าพร้อมการกระดอนที่สูงกว่า หมายความว่าการแรลลี่ลูกจะอยู่ได้นานกว่า เนื่องจากพาวเวอร์ช็อตจะไร้ผล และการแข่งขันที่ยาวนานขึ้นในการแข่งขันแบบ 3 ใน 5 เซ็ต นั้นต้องใช้ความอดทนทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างยิ่งยวดทีเดียว

 

เงื่อนไขทั้งหมดจะส่งผลให้ผู้เล่นที่รีเทิร์นได้ดี มีประสิทธิภาพที่เบสไลน์ และมีฟุตเวิร์กที่ดี จะประสบความสำเร็จในคอร์ตดินมากกว่าผู้เล่นที่พึ่งพาการเสิร์ฟเพื่อคุมแต้ม แถมการเล่นโดยใช้ร่างกายหนักหน่วงเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนถึงรอบชิงชนะเลิศ นั่นหมายความว่าคุณจะยังไม่เจอกับแมตช์ที่ยากที่สุด ซึ่งนับเป็นภาระทางจิตใจที่สะสมไปเรื่อยๆ จนกว่าทัวร์นาเมนต์จะจบลงด้วย

 

นอกจากเรื่องของ ‘พละกำลัง’ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ส่งผลอย่างมากที่ทำให้โรลังด์ การ์รอส ยากต่อการพิชิต คือเรื่องของสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน

 

กรุงปารีสในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม คือช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิต่อฤดูร้อน จะเป็นช่วงเวลาที่อากาศสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ นักเทนนิสบางคนอาจจะลงวอร์มท่ามกลางแสงแดด แต่ต้องลงตีในสภาวะฟ้าครึ้มและมีลมแรงได้ไม่ยาก เนื่องจากเงื่อนไขด้านสภาวะอากาศสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วมาก และที่สำคัญ โรลังด์ การ์รอส เป็นสนามแบบเปิด ทำให้สภาพอากาศส่งผลต่อการเล่นได้อย่างเต็มที่

 

นอกจากนี้ การแข่งขันในคอร์ตดินไม่เหมือนที่วิมเบิลดันและทัวร์นาเมนต์อื่นๆ ที่มีพื้นผิวต่างกัน เนื่องจากนักเทนนิสสามารถเล่นท่ามกลางสายฝนปรอยๆ ได้ ตราบใดที่ฝนไม่ตกหนักเกินไป ละอองฝนเล็กน้อยบนพื้นหญ้าหรือฮาร์ดคอร์ตก็เพียงพอแล้วที่จะขัดจังหวะการแข่งขัน แต่ที่เฟรนช์ โอเพ่น ผู้เล่นต้องสู้ต่อไปไม่ว่ามันจะน่าหงุดหงิดแค่ไหนก็ตาม

 

เฟรนช์ โอเพ่น

 

การมาของละอองฝนอาจจะไม่น่าหงุดหงิดเท่ากับลมแรงในสนาม ซึ่งนั่นอาจจะส่งผลให้เศษดินปลิวเข้าตาผู้เล่น ซึ่งเป็นเรื่องของโชค และต่อให้มีเศษดินเข้าตานักเทนนิสคนไหนระหว่างคะแนน ก็จะไม่มีการหยุดทำการแข่งขันด้วย ซึ่งตัวอย่างคลาสสิกในการสู้กับสภาพอากาศระหว่างแข่งขันของนักเทนนิส ต้องยกให้แมตช์ที่ ราฟาเอล นาดาล พบกับ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ในปี 2019 ที่คนดูก็สงสารนักเทนนิสไปในคราวเดียวกัน

 

โชคดีอยู่บ้างที่หลังปี 2020 เมนคอร์ต ฟิลิปป์ ชาตริเยร์ ได้มีการติดตั้งหลังคาแบบพับได้เข้าไป ทำให้บรรดาผู้เล่นระดับท็อปที่ได้เล่นในเมนคอร์ตบ่อยครั้งตลอดทัวร์นาเมนต์ยังพอจะเบาใจได้บ้างว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้เจอกับสภาพอากาศเลวร้ายระหว่างแข่ง

 

โดยปกติแล้วจะมีเงื่อนไขอีกข้อที่ทำให้เฟรนช์ โอเพ่น เป็นแกรนด์สแลมที่ยากจะพิชิต แต่อาจจะใช้ไม่ได้ในปีนี้ นั่นคือการมีตัวตนอยู่ของ ราฟาเอล นาดาล

 

Rafael Nadal

 

จอห์น แม็คเอนโร อดีตแชมป์แกรนด์สแลม 7 สมัย เคยกล่าวกับ BBC ไว้ว่า “บางคนบอกว่าการเอาชนะราฟาในการแข่งขันแบบ 5 เซ็ตบนดินเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในวงการกีฬา ไม่ใช่แค่เทนนิส และผมเห็นด้วยกับเรื่องนั้น”

 

นับตั้งแต่เปิดตัวในฐานะดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์สูงในปี 2005 นาดาลคว้าแชมป์ประเภทชายเดี่ยวไปแล้ว 14 ที่โรลังด์ การ์รอส ซึ่งไม่มีผู้เล่นคนไหนเลยไม่ว่าจะชายหรือหญิงสามารถคว้าแชมป์แกรนด์สแลมประเภทเดี่ยวในรายการเดียวได้มากเท่ากัน

 

คำถามสำคัญคือ ‘อะไรทำให้ราชาคอร์ตดินคนนี้ร้อนแรงแบบฉุดไม่อยู่ที่โรลังด์ การ์รอส?’

 

หากจะอธิบายด้วยเหตุผลสั้นๆ คงสามารถแจกแจงได้ 3 ข้อ ข้อแรกคือคอร์ตดิน เป็นเงื่อนไขสมบูรณ์แบบสำหรับราฟา เนื่องจากพื้นผิวดินส่งผลให้บอลช้าลงกว่าพื้นหญ้า ทำให้นาดาลสามารถใช้ความเป็นนักกีฬาเพื่อสร้างแต้มและตีลูกโฟร์แฮนด์อันเลื่องชื่อได้ ในทางกลับกัน มันช่วยให้เขาตีลูกได้หนักขึ้นและแม่นยำขึ้น ในขณะที่อุณหภูมิในฤดูร้อนที่ร้อนขึ้นในยุโรปแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นฤดูกาลส่วนใหญ่ของสนามดินเหนียว ช่วยให้นาดาลตีลูกกระดอนได้มากขึ้น

 

ข้อต่อมาคือการที่เขาเป็นคนถนัดซ้าย ซึ่งทำให้ลูกหมุนไปในทิศทางตรงข้ามกับความเคยชินของนักเทนนิสส่วนใหญ่ที่รับลูกตามปกติ

 

ส่วนข้อสุดท้ายคือการที่เขาเติบโตขึ้นมาในการเล่นในคอร์ตดิน ซึ่งเป็นพื้นผิวตามธรรมชาติสำหรับผู้เล่นชาวสเปน โดยในสเปนมีสนามคอร์ตดินประมาณ 100,000 แห่งทั่วประเทศ แม้แต่หมู่บ้านเล็กๆ ส่วนใหญ่ก็มีคอร์ตดังกล่าว

 

เฟรนช์ โอเพ่น

 

ดังนั้นเป็นที่น่าเสียดายอยู่ไม่น้อยที่การแข่งขันเฟรนช์ โอเพ่น ในปีนี้เราจะไม่ได้เห็นเขามาเป็นผู้ท้าชิงแชมป์เฟรนช์ โอเพ่น สมัยที่ 15

 

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เปิดโอกาสและประตูให้กับนักเทนนิสคนอื่นๆ ในการเข้ามาลุ้นแชมป์รายการนี้กว้างกว่าปีไหนๆ เช่นกัน

 

ดังนั้นตลอด 2 สัปดาห์ในการชิงชัยในศึกแกรนด์สแลมคอร์ตดินในปีนี้ จึงเป็นศึกที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะหลายนักเทนนิสต่างต้องการแชมป์รายการนี้เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างไม่ต่างกัน

 

โนวัค โยโควิช ต้องการป้องกันแชมป์และคว้าแกรนด์สแลมสมัยที่ 23 เพื่อเป็นหนึ่งเดียวที่ได้แชมป์แกรนด์สแลมมากที่สุด ด้าน การ์รอส อัลการาซ กาเฟีย ก็ต้องการแชมป์แกรนด์สแลมที่ 2 ในอาชีพ เพื่อยืนยันการขึ้นมาเป็น ‘ยุคใหม่’ แห่งวงการเทนนิสชาย ขณะที่ ดานีล เมดเวเดฟ, สเตฟานอส ซิตสิปาส, แคสเปอร์ รุด ก็ต้องการแชมป์แกรนด์สแลมไม่ต่างกัน

 

แม้ว่าจะเป็นแกรนด์สแลมที่ได้มายากเย็นขนาดไหน แต่สุดท้ายถ้วย ‘คูเป เดส์ มูกีแตร์’ ใบนี้ก็ต้องมีเจ้าของอยู่ดี คำถามคือ…ใคร? เท่านั้น

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising