วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม เวลาประมาณ 14.00 น. (ประมาณ 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้ระเบิดพลีชีพในรถคร่าชีวิตผู้คนในสำนักงานทหารใหญ่และสถานทูตฝรั่งเศสที่ตั้งอยู่ในเมืองวากาดูกู ประเทศบูร์กินาฟาโซ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 28 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 80 ราย เบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายมุ่งเป้าโจมตีไปที่กองกำลังทหารเป็นหลัก
เคลมองต์ ซาวาโดโก รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงของประเทศ เผยว่ากองกำลังทหารติดอาวุธจำนวน 8 คนเสียชีวิตทันทีจากแรงระเบิดและการโจมตีด้วยอาวุธ โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 80 ราย ขณะที่ผู้ก่อเหตุในครั้งนี้จำนวน 8 คนถูกวิสามัญด้วยอาวุธปืนแล้ว “รถได้ถูกบรรจุระเบิดจำนวนมาก และเป็นสาเหตุของความเสียหายครั้งใหญ่นี้”
หลังเกิดเหตุ รัฐบาลบูร์กินาฟาโซประกาศยืนยันว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นการก่อการร้ายด้วยระเบิดพลีชีพ โดยมีอาวุธคือรถ ปืน และระเบิดจริง และเชื่อว่างานประชุมต่อต้านการก่อการร้ายในภูมิภาค (G5 Sahel Regional Counter-terrorism Force) ที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันนี้ ณ สำนักงานใหญ่ กองกำลังทหารบูร์กินาฟาโซ คือเป้าหมายโจมตีหลักของกลุ่มผู้ก่อการร้าย แต่สุดท้ายห้องจัดประชุมก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นอีกห้องแทน
ซาวาโดโกกล่าวว่า “บางมีมันอาจจะเป็นเป้าหมายการโจมตี เรายังไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัดในตอนนี้ แต่ห้องที่เตรียมจัดประชุมในตอนแรกถูกระเบิดทำลายล้างเรียบ”
ด้านแหล่งข่าวจากรัฐบาลฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ไม่มีพลเมืองฝรั่งเศสได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้แต่อย่างใด พร้อมระบุว่าสถานการณ์ล่าสุดในเมืองวากาดูกูอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลบูร์กินาฟาโซเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฝั่งประธานาธิบดีรอช มาร์ค คริสเตียน กาบอเร กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ประเทศของเราตกเป็นเป้าโจมตีของพลังมืดอีกครั้งแล้ว ส่วนประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ได้ต่อสายตรงหากาบอเรเพื่อแสดงความเป็นห่วงเป็นใยและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกคน
จากการปะติดปะต่อเหตุการณ์ของสำนักข่าว AFP พบว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้น่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงรุ่งสาง เริ่มจากเสียงปืนที่ดังขึ้นใจกลางเมืองหลวงวากาดูกู โดยพยานในที่เกิดเหตุระบุว่าเห็นกลุ่มชายติดอาวุธจำนวน 5 คนกระโดดลงมาจากรถแล้วเปิดฉากยิงใส่ประชาชนที่เดินผ่าน ก่อนมุ่งหน้าตรงไปยังสถานทูตฝรั่งเศส สอดคล้องกับคำให้การของพยานอีกคนที่บอกว่าจุดเกิดเหตุแรกอยู่ห่างจากสำนักงานทหารและสถานทูตฝรั่งเศสราว 1 กิโลเมตรเท่านั้น
อ้างอิง:
- AFP