ต่างชาติเฝ้าจับตากรณี ยุบพรรคก้าวไกล หวั่นประชาธิปไตยไทยถดถอย

สื่อและหน่วยงานต่างชาติเฝ้าจับตากรณีการ ยุบพรรคก้าวไกล หวั่นระบอบประชาธิปไตยไทยถดถอย หากศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรค หลังเสร็จสิ้นกระบวนการพิจารณาไต่สวน โดยกลุ่มสมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน (APHR) เรียกร้องให้ประชาคมโลกเฝ้าระวังและหามาตรการป้องกัน เพื่อไม่ให้มีการใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือในการ ยุบพรรคก้าวไกล (MFP) ซึ่งเป็นพรรคที่ได้จำนวนเก้าอี้ในรัฐสภามากที่สุด และชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม 2023

เมอร์ซี คริสตี้ บาเรนด์ส ประธาน APHR และสมาชิกรัฐสภาอินโดนีเซีย กล่าวว่า “การที่ศาลขัดขวางไม่ให้สมาชิกรัฐสภานำกฎหมายที่ขัดกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศมาพิจารณานั้น อาจถือได้ว่าศาลบ่อนทำลายหลักการตามระบอบประชาธิปไตย โดยการทำให้กฎหมายบางฉบับอยู่นอกเหนืออำนาจในการแก้ไข”

ขณะที่ ชาร์ลส์ ซานติเอโก ประธานร่วมก่อตั้งกลุ่ม APHR และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาเลเซีย ชี้ว่า “ประชาธิปไตยในประเทศไทยกำลังถดถอย สาเหตุไม่ได้มาจากแค่การทำรัฐประหาร แต่ยังรวมถึงการตีความกฎหมายที่นำไปใช้โจมตีนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม

“หากพรรคก้าวไกลต้องพบจุดจบแบบเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ที่เคยถูกยุบพรรคไปเมื่อปี 2019 ก็อาจถือได้ว่าทางการไทยได้ลิดรอนสิทธิของประชาชนนับล้าน และอาจนำไปสู่เหตุการณ์ความไม่สงบ ซึ่งบั่นทอนความมั่นคงของชาติ”

ด้าน เบน คาร์ดิน ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภาสหรัฐอเมริกา แสดงความกังวลต่อคดีพิจารณายุบพรรคก้าวไกลในครั้งนี้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทางการไทยปฏิบัติต่อพรรคก้าวไกลอย่างเป็นธรรม และเคารพเจตจำนงของประชาชนคนไทยจำนวนมากที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล รวมถึงขอให้ไทยยึดมั่นในค่านิยมประชาธิปไตยที่เราต่างมีร่วมกัน

นอกจากนี้ APHR ยังเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศเฝ้าติดตามสถานการณ์สิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในประเทศไทยที่กำลังเสื่อมถอยลงอย่างใกล้ชิดต่อไป และใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อปกป้องสมาชิกรัฐสภาที่ตกอยู่ในความเสี่ยง รวมถึงบรรดานักโทษทางการเมืองคนอื่นๆ ด้วย”

หากศาลมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล อาจส่งผลให้คณะกรรมการบริหารของพรรคถูกตัดสิทธิในการสมัครรับเลือกตั้งทางการเมืองเป็นเวลาอย่างน้อย 10 ปี

แฟ้มภาพ: THE STANDARD

อ้างอิง: