หลังจาก ‘ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่’ ถูกเผยโฉมให้เห็นพร้อมกันทั่วโลกไปเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ผ่านคลิปวิดีโอที่พาคุณย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดความแกร่งขั้นสุด ที่มาของความสมบุกสมบันที่สุด และเบื้องหลังความชาญฉลาด เล่นเอาแฟนฟอร์ด เรนเจอร์ ชาวไทยยิ่งเฝ้ารอจะได้เห็น สัมผัส และทดลองขับตัวจริงสักที
ระหว่างรอการมาถึงของ ‘ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่’ ที่คาดว่าปีหน้าคงได้สัมผัสตัวจริง THE STANDARD ขอพาคุณไปเจาะเบื้องลึกตั้งแต่แนวคิดการออกแบบที่มาจากเสียงของลูกค้า การทดสอบสมรรถนะรถสุดหฤโหด และพูดคุยวิศวกรหญิงจากฟอร์ด ประเทศไทย ที่เป็นส่วนหนึ่งของเบื้องหลังการออกแบบฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่
จุดเริ่มต้นของรถกระบะที่แกร่งที่สุด สมบุกสมบันที่สุด และชาญฉลาดที่สุดในตระกูลฟอร์ด เรนเจอร์
เริ่มต้นจาก ‘เสียงของลูกค้า’ แม็กซ์ ทราน หัวหน้าทีมออกแบบเรนเจอร์ เผยกับแฟนฟอร์ดทั่วโลกว่า ความเป็นที่สุดของฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ มีจุดเริ่มต้นมาจาก ‘ผู้ใช้งานตัวจริง’
ผู้ใช้งานคือกุญแจสำคัญของ ‘ความแกร่งและชาญฉลาด’ ทีมวิศวกรและนักออกแบบของฟอร์ดทำงานร่วมกับลูกค้าทั่วโลก เพื่อสร้างสรรค์สุดยอดรถกระบะคู่ใจที่พร้อมตอบโจทย์ทั้งสำหรับการทำงาน การเป็นรถครอบครัว และเป็นเพื่อนเดินทางในวันพักผ่อน ด้วยข้อมูลเชิงลึกจากลูกค้า ทีมนักออกแบบได้สร้างสรรค์รูปโฉมภายนอกที่ดุดันและพร้อมรองรับทุกการใช้งาน ภายในห้องโดยสารที่เย้ายวนใจ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย
“พวกเราออกแบบเรนเจอร์จากความเข้าใจและการตีโจทย์ความต้องการของลูกค้าจากการใช้งานจริง และจากสิ่งที่พวกเขาคาดหวังจากรถกระบะคู่ใจ เราเริ่มรับฟังความเห็นจากลูกค้าตั้งแต่ก่อนที่เราจะลงมือสเกตช์ภาพแรกด้วยซ้ำ”
เพื่อให้ได้รถกระบะที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานกว่า 180 ประเทศ ทีมออกแบบจึงใช้เวลาหลายร้อยชั่วโมงในการพูดคุยกับลูกค้าฟอร์ดทั่วทุกมุมโลก ทั้งในประเทศไทย ออสเตรเลีย ทวีปอเมริกาใต้ ยุโรป จีน ซาอุดิอาระเบีย และทวีปอเมริกาเหนือ เพื่อศึกษาการใช้งานรถกระบะในชีวิตประจำวัน สัมภาษณ์ลูกค้าอีกกว่า 5,000 ครั้ง จดบันทึกยาวกว่า 1,800 หน้า เพื่อให้ทีมวิศวกรและนักออกแบบนำมาพัฒนารถกระบะที่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์และสมรรถนะที่ลูกค้าต้องการ
แม้กลุ่มลูกค้าจำนวนมากจะมีภูมิหลังและมีความต้องการที่แตกต่างกัน แต่ทีมออกแบบพบว่า เจ้าของเรนเจอร์ทั่วโลกมีบุคลิกที่คล้ายคลึงกันหลายประการ แม็กซ์ยังเล่าว่า ลูกค้าฟอร์ด เรนเจอร์ ในทุกประเทศเป็นคนจริงที่ลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง พวกเขาพร้อมลุย ชอบแก้ปัญหา และชอบความรู้สึกมั่นใจในรถกระบะของพวกเขา
“ไม่ใช่แค่ความมั่นใจในการทำงานของฟังก์ชันต่างๆ แต่พวกเขายังต้องการความรู้สึกมั่นใจขณะขับขี่ด้วย” แม็กซ์กล่าว
‘ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่’ รถกระบะที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเจ้าของทุกครั้งที่ได้เห็น
ฟอร์ดไม่เพียงแต่นำข้อมูลเชิงลึกและข้อเสนอแนะจากลูกค้ามาถ่ายทอดเป็นภาพสเกตช์เพื่อเริ่มต้นการออกแบบเท่านั้น แต่ยังนำสูตรเฉพาะของการออกแบบรถกระบะที่คว้ารางวัลมากมายในหลายประเทศมาผสมผสาน จนนำไปสู่ต้นแบบรถกระบะมาตรฐานใหม่ของโลกอย่างที่เห็น
แฟนเรนเจอร์ที่ติดตามพัฒนาการของรถรุ่นนี้มาตลอด 10 ปี ย่อมอยากเห็นความแปลกใหม่ในการออกแบบ ทว่าเอกลักษณ์ที่ทำให้เรนเจอร์ได้รับความนิยมไปทั่วโลกจำเป็นต้องคงไว้ จึงเป็นที่มาของรูปโฉมใหม่ที่โดดเด่น ดุดัน และโฉบเฉี่ยว สะท้อนเอกลักษณ์ของรถกระบะพร้อมลุยสุดเอนกประสงค์ตามแบบฉบับของเรนเจอร์ที่ลูกค้าชื่นชอบและไม่ทิ้งลายกระบะสายพันธุ์แกร่ง
กระจังหน้าแนวนอนแถวบนที่สะดุดตา ไปจนถึงซุ้มล้อที่โดดเด่น ลายเส้นด้านข้างที่สื่อถึงความแข็งแกร่ง และโลโก้ตัวประทับ RANGER ขนาดใหญ่บริเวณฝาท้าย ไฟหน้าใหม่รูปตัว C และไฟท้ายที่ออกแบบให้สอดรับกับไฟหน้า และเป็นครั้งแรกที่ฟอร์ด เรนเจอร์ มีไฟหน้าแบบเมทริกซ์ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน ไปจนถึงการออกแบบแชสซี (Chassis) หรือโครงสร้างที่สำคัญที่สุดของรถให้มีความแข็งแกร่งขึ้น และออกแบบฐานล้อให้กว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร ยาวขึ้น 50 มิลลิเมตร จึงวางล้อหน้าเข้ามุมได้มากขึ้น โครงสร้างตัวถังด้านหน้าที่ออกแบบใหม่ยังพร้อมรองรับเทคโนโลยีระบบส่งกำลังหลากหลายรูปแบบในอนาคต รวมทั้งเผื่อพื้นที่ไว้ให้อากาศถ่ายเทไปยังหม้อน้ำได้มากขึ้น ช่วยลดอุณหภูมิเครื่องยนต์เมื่อใช้รถในการลากจูงหรือบรรทุกสัมภาระ
ฟอร์ดย้ำเสมอว่า ลูกค้าย่อมรู้ดีที่สุดว่าพวกเขาชอบอะไรและจะใช้เรนเจอร์ทำอะไรบ้างในชีวิตประจำวัน ทีมออกแบบจึงต้องผสานฟีเจอร์ที่ลูกค้าต้องการเข้ากับความร่วมสมัย ไม่ลืมการใช้งานแบบอเนกประสงค์อย่างบันไดเหยียบข้างกระบะท้าย คือตัวอย่างงานออกแบบที่พัฒนามาจากข้อมูลและความคิดเห็นของลูกค้า เพื่อให้ผู้ขับขี่เข้าถึงพื้นที่ท้ายกระบะได้สะดวกขึ้น คุณต้องไม่เชื่อว่าเสียงตอบรับไม่น้อยบอกว่า แค่มีบันใดก็เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะตัดสินใจซื้อ
ขุมพลังขับเคลื่อนทรงพลังสอดรับกับการขับขี่สไตล์ ‘ออฟโรด’ คือ DNA ของรถกระบะสายพันธุ์แกร่ง
ทีมวิศวกรผู้พัฒนารถฟอร์ดทั่วโลกไม่เคยยั้งมือกับการตั้งโจทย์สุดโหดทุกรูปแบบ เพื่อให้มั่นใจว่านี่จะเป็นรถกระบะระดับโลกที่พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่ท้าทายในกว่า 180 ประเทศทั่วโลก เมื่อตั้งใจจะเกิดมาแกร่งกว่าทุกรุ่น กระบะพันธุ์แกร่งคันนี้จึงต้องผ่านการทดสอบทั้งบนถนนจริงและในโปรแกรมเสมือนจริงมากกว่าทุกครั้ง เผชิญทุกสภาพแวดล้อมการขับขี่สุดทรหดที่อาจพบได้ในทุกมุมโลก เพื่อให้มั่นใจว่ารถคันนี้พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานของลูกค้าแล้ว กระบะคันนี้ยังต้องผ่านมาตรฐานระดับโลกที่เข้มข้นของฟอร์ด ทั้งในแง่คุณภาพ ความทนทาน และความไว้วางใจได้
ทีมวิศวกรของฟอร์ดใช้เวลาหลายพันชั่วโมงในการทดสอบรถต้นแบบในระบบจำลองสถานการณ์เสมือนจริง รวมถึงการทดสอบรถต้นแบบคันจริงในห้องแล็บอีกหลายพันชั่วโมง เช่น การทดสอบช่วงล่างของรถด้วยระบบสั่นสะเทือน ทำให้รถทั้งคันต้องเจอแรงกระแทกสุดทรหดต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบทุกองค์ประกอบตั้งแต่อากาศพลศาสตร์ ไปจนถึงความทนทานของชิ้นส่วนและโครงสร้างทั้งหมด
และเพื่อให้เป็นไปตามคาดหวังของลูกค้าที่ต้องการรถกระบะคู่ใจพร้อมลุยทุกที ฟอร์ดจึงสตาร์ทเครื่องและพาฟอร์ด เรนเจอร์ เจนเนอเรชันใหม่ ฝ่าทะเลทรายไปแล้วกว่า 10,000 กิโลเมตร การขับแบบใช้งานในชีวิตประจำวันราว 1,250,000 กิโลเมตร และการขับขี่แบบออฟโรดพร้อมน้ำหนักในการบรรทุกสูงสุดอีก 625,000 กิโลเมตร
กว่าจะผ่านบททดสอบที่หฤโหดเพื่อให้มั่นใจว่า ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อทั้ง 2 ระบบ ได้แก่ ระบบเปลี่ยนเกียร์อิเล็กทรอนิกส์แบบ Shift on the Fly และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบเต็มเวลา Set and Forget Mode จะตอบโจทย์การขับขี่ของลูกค้าได้ในทุกสภาพถนน หรือแม้แต่เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว และเทอร์โบคู่ 2.0 แบบสี่สูบ ที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ โดยเครื่องยนต์เทอร์โบเดี่ยวมีสมรรถนะให้เลือก 2 แบบ พร้อมส่งมอบกำลัง แรงบิด และการประหยัดน้ำมัน ในขณะที่เครื่องยนต์เทอร์โบคู่มอบประสบการณ์ที่เหนือชั้นขึ้นไปอีก สำหรับสายลุยที่ต้องการกำลังแรงกว่า แต่ยังคงประหยัดเชื้อเพลิง พร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือในการขับขี่ออฟโรด ตะขอเกี่ยวคู่หน้าที่กันชนหน้า
ทีมวิศวกรได้ขยับให้ล้อหน้าขึ้นมาด้านหน้าอีก 50 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มมุมเงยและปรับจูนช่วงหน้าให้รองรับการขับขี่แบบออฟโรดให้ดีขึ้น ย้ายโช้คหลังไปไว้ด้านนอกเพลาเพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารนั่งได้สบายขึ้นทั้งการขับขี่บนทางเรียบและออฟโรด ทั้งในการขนสัมภาระ หรือเดินทางไปพักผ่อนวันหยุดกับครอบครัว พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ Electronic Shifter ที่ล้ำสมัย เสริมภาพลักษณ์ความเป็นรถกระบะเทคโนโลยีสูง และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการนำความคิดเห็นลูกค้ามาพัฒนา
ทนทานแบบสายพันธุ์แกร่ง แต่สะดวกสบายเสมือนนั่งรถเก๋ง
ความสะดวกสบายที่มาพร้อมความอัจฉริยะ คือสิ่งที่ลูกค้าฟอร์ดต้องการ ภายในห้องโดยสารของฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ จึงทำหน้าที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวและห้องทำงานในคราวเดียวกัน ด้วยฟีเจอร์อันชาญฉลาด ระบบเชื่อมต่อการสื่อสารทันสมัยผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 10 หรือ 12 นิ้วตรงกลางคอนโซล มาพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4 ระบบความบันเทิงระบบแสดงข้อมูล และโหมดควบคุมการขับขี่ ควบคุมระบบขับเคลื่อน ดูองศาการเลี้ยว มุมเอียง มุมโคลง หน้าจอยังเชื่อมต่อกับกล้อง 360 องศา ช่วยให้การจอดรถในเมืองหรือพื้นที่แคบเป็นเรื่องง่าย ฟอร์ดยังติดตั้งโมเด็มเพื่อเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน FordPass ให้ลูกค้าเชื่อมต่อกับรถได้ตลอดเวลา ด้วยฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น สตาร์ทรถจากระยะไกล ตรวจเช็กข้อมูลสภาพรถเบื้องต้น ล็อกและปลดล็อกจากระยะไกลได้ผ่านสมาร์ทโฟน
ห้องโดยสารถูกดีไซน์ให้เสริมรูปลักษณ์ภายนอกที่สะท้อนความทนทานและดุดันอย่าง ช่องแอร์ที่ดูคล้ายกับกระจังหน้า และพื้นผิวภายนอกบางส่วนที่นำมาปรับใช้กับพื้นที่ภายใน แผงหน้าปัดแบบใหม่ได้รับการออกแบบทอดตัวยาวจากฝั่งซ้ายถึงฝั่งขวาขยายพื้นที่ให้ดูกว้างขวางยิ่งขึ้น มือจับประตูยังสอดรับไปกับแผงคอนโซล และถูกปรับให้ต่ำลงตามข้อเสนอแนะของลูกค้า เพื่อให้ระยะระหว่างมือจับประตูกับสวิตช์เปิด-ปิดหน้าต่างและที่วางแขนเป็นเส้นตรงมากขึ้น
ความหรูหราเสมือนนั่งอยู่ในรถเก๋งยังสะท้อนผ่านวัสดุที่นุ่มนวลต่อการสัมผัส มอบความหรูหราไปอีกขั้น เบาะที่นั่งมาพร้อมกับหมอนรองโฟมแบบใหม่ เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับพับราบได้ มีที่เก็บของใต้เบาะที่นั่ง และช่องแอร์ด้านหลังคอนโซลกลาง และยังมีพื้นที่เก็บของบริเวณประตูเพิ่มเติมสำหรับที่นั่งด้านหน้าและด้านหลังอีกด้วย
พัณนิดา ทวิสิริกุล Engineering Specialist หนึ่งในทีมวิศวกรฟอร์ด ประเทศไทย คือหนึ่งในเบื้องหลังความ ‘แกร่งที่สุด สมบุกสมบันที่สุด และชาญฉลาดที่สุด’
โครงการพัฒนาฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ดำเนินงานโดยศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ของฟอร์ดในประเทศออสเตรเลียเป็นหลัก ทีมผู้เชี่ยวชาญในโครงการประกอบด้วยนักออกแบบและวิศวกรหลากหลายเชื้อชาติ ทำงานร่วมกับทีมจากทั่วโลกเพื่อผสานเทคโนโลยีล่าสุดของฟอร์ดเข้ากับสมรรถนะ และความปลอดภัยในการสร้างสรรค์สุดยอดรถกระบะนี้ ซึ่งหนึ่งในเบื้องหลังการพัฒนาที่ว่านั้นมาจากพัณนิดา วิศกรหญิงของฟอร์ด ประเทศไทย
โบว์-พัณนิดา ทวิสิริกุล Engineering Specialist ทีมวิศวกรฟอร์ด ประเทศไทย
ด้วยประสบการณ์การทำงานกับฟอร์ดตลอด 8 ปี มีโอกาสท้าทายความสามารถในหลายแผนกของส่วนงานวิศวกรรม ประกอบกับความมุ่งมั่นที่มาจากแรงบันดาลใจวัยเด็กที่ฝันอยากเป็นวิศวกรหญิง และฟอร์ดคือองค์กรระดับโลกที่เธอเชื่อมั่นว่าจะดึงศักยภาพของเธอออกมาได้ การพัฒนาฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ที่เธอได้มีส่วนร่วมครั้งนี้จึงเป็นบทพิสูจน์ความแกร่งของเธอเช่นกัน
“การทำงานที่ฟอร์ดท้าทายเสมอ เมื่อไรก็ตามที่เริ่มเชี่ยวชาญในตำแหน่งหนึ่ง ฟอร์ดจะท้าทายให้ไปทำงานในแผนกใหม่และลองทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย ทำให้เราได้พัฒนาตัวเองตลอดเวลา จนมองความท้าทายเป็นเรื่องสนุก และสิ่งเหล่านี้ยังพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ว่าชายหรือหญิงสามารถทำงานได้ทุกแผนก ทุกตำแหน่ง ทุกคนทำงานได้อย่างเทียบเท่าและเท่าเทียม
“อย่างในช่วงที่ได้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ทำให้ต้องติดต่อประสานงานกับทุกแผนก ยิ่งทำให้เห็นข้อได้เปรียบของการเป็นผู้หญิง ความละเอียดอ่อนทำให้เรามองเห็นเรื่องที่นำมาปรับใช้ในงานได้ และบางครั้งคู่สนทนาก็สบายใจที่จะให้ฟีดแบ็กกับเรา
“โรงงานฟอร์ดที่ระยองยังเป็นศูนย์กลางในการประกอบฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ทำให้เราได้เห็นตั้งแต่จุดเริ่มต้น ในฐานะทีมดีไซน์พบว่า แม้ความต้องการของผู้ใช้งานจะหลากหลายแต่ยังต้องรักษาคาแรกเตอร์ของฟอร์ด เรนเจอร์ ผู้ใช้งานตัวจริงจะรู้ดีว่าฟอร์ดคือรถกระบะที่ลุยได้ทุกสภาพถนนภายใต้ความแกร่งที่ถูกห่อหุ้มด้วยโครงสร้างที่แข็งแรง แต่ก็ยังต้องการความสะดวกสบายตลอดการขับขี่ เป็นสิ่งที่ท้าทายมากเพราะต้องดีไซน์ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน 180 ประเทศทั่วโลก
“จะเห็นว่าเราเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายทั้งความแรงของเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ออกแบบโครงสร้างให้แข็งแกร่งเสริมสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรด รวมถึงห้องโดยสารที่ให้ความรู้สึกไม่ต่างกับนั่งรถยนต์ส่วนบุคคล เรายังต้องท้าทายความแกร่งทั้งหมดนั้นด้วยการทดสอบสมรรถนะรถยนต์ทั้งในห้องจำลองและบนถนนจริง เราติดพารามิเตอร์ที่เครื่องยนต์เพื่อทดสอบว่าเครื่องยนต์ยังทำงานได้ปกติในสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปหรือไม่ วัสดุทุกชิ้นต้องทนทานได้ทุกสภาพอากาศใน 180 ประเทศ เพื่อสร้างรถกระบะที่แกร่งที่สุด สมบุกสมบันที่สุด และชาญฉลาดที่สุด ในฐานะวิศวกรที่อยู่กับมันมาตั้งแต่เป็นภาพสเกตช์ มั่นใจว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ จะเป็นมาตรฐานใหม่ให้วงการรถกระบะทั่วโลกอย่างแน่นอน”
‘Live the Ranger Life’ คือสิ่งที่นักออกแบบและวิศวกรที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ยึดถือร่วมกัน มันคือนิยามการใช้ชีวิตแบบเรนเจอร์ที่พวกเขาตั้งใจส่งมอบให้กับผู้ใช้งาน 180 ประเทศทั่วโลก เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งาน สร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคลมากขึ้น รวมถึงประสบการณ์จากบริการหลังการขายของฟอร์ดเพื่อให้การใช้ชิวิตแบบเรนเจอร์สมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งบริการให้คำปรึกษา 24 ชั่วโมงแบบ ‘พร้อมเสมอ (Always-On)’ บริการผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับเจ้าของฟอร์ด เรนเจอร์ (Ranger Concierge) หรือ FordPass แอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับฟอร์ด เรนเจอร์ของตนเองได้ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถรับคำแนะนำในหัวข้อที่ต้องการผ่านฟีเจอร์ ‘Master your Ranger’ ไปจนถึงบริการรับ-ส่งรถเพื่อเข้าศูนย์บริการถึงบ้าน
ทั้งราคาและเวลาที่จะมาจอดบนถนนเมืองไทยยังไม่ถูกเปิดเผยแน่ชัด แต่ถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลของ ‘ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่’ ติดตามได้ที่โซเชียลมีเดียของฟอร์ด ประเทศไทย