ในวันที่โลกกำลังโคจรเข้าสู่ปี 2025
หากได้นั่งคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกฟุตบอล (ระดับโลก) ตลอดปี 2024 จะเห็นว่าตลอดปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่น
- เลเวอร์คูเซนคว้าแชมป์ลีกสมัยแรกแบบไร้พ่าย
- แมนฯ ซิตี้ แชมป์ลีก 4 สมัยติด…ก่อนเผชิญวิกฤตหนักในปัจจุบัน
- เมสซียังท็อปฟอร์มกับอาร์เจนตินา
- โรดรีได้บัลลงดอร์ไปครอง
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงโมเมนต์สำคัญบางส่วนเท่านั้น เพราะเหตุการณ์สำคัญๆ ที่น่าสนใจ THE STANDARD SPORT มัดรวมเอาไว้ให้ทุกท่านแล้ว
แมนฯ ซิตี้ ทีมแรกของอังกฤษคว้าแชมป์ลีก 4 สมัยติด
ย้อนกลับไปช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา แมนฯ ซิตี้ ในฐานะแชมป์เก่า ถูกอาร์เซนอลของ มิเกล อาร์เตตา ท้าทายบัลลังก์แชมป์ลีกอย่างหนัก จนกระทั่งถึง MatchDay ที่ 33 ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่ท็อปฟอร์มมาตลอดนับตั้งแต่เดือนมกราคม มาแซงขึ้นจ่าฝูงได้ในที่สุด
แม้ต้องไปลุ้นแชมป์ถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล แต่ชัยชนะของแมนฯ ซิตี้ เหนือเวสต์แฮม 3-1 ทำให้พวกเขาได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก และนับเป็นทีมแรกแห่งเกาะอังกฤษที่ได้แชมป์สมัยที่ 4 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม ถัดจากวันชื่นคืนสุขไม่กี่เดือน… แมนฯ ซิตี้ในทีมงานเดียวกันนี้ กลับไม่สามารถเร่งเครื่องทำผลงานได้ดีเหมือนเก่า หลังจากไร้ชัยชนะเป็นเวลาหลายนัด จนสร้างสถิติที่ไม่น่าจดจำมากมาย ซึ่งยังต้องติดตามต่อไปว่าในระยะยาวนี้ เป๊ปที่เพิ่งสลัดน้ำหมึกต่อสัญญากับทีมไป จะทำทัพเรือใบให้กลับมาแล่นฉิวเหมือนเดิมได้หรือไม่
ชาบี อลอนโซ เสกให้เลเวอร์คูเซนกลายเป็นแชมป์ไร้พ่าย
การกระชากแชมป์มาจากพี่เสือ ‘บาเยิร์น มิวนิก’ หนึ่งในทีมดังที่ครองแชมป์บุนเดสลีกามายาวนานกว่า 11 ฤดูกาลนั้นเป็นเรื่องยากมาก
แต่ ชาบี อลอนโซ ทำได้! และไม่ได้ทำแค่การพาไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ครองแชมป์ลีก ซึ่งนับเป็นแชมป์สมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ชาบียังทำให้ทัพนายห้างขายยาทีมนี้กลายเป็นทีมไร้พ่าย กับผลงานชนะ 28 เสมอ 6 จากทั้งหมด 34 แมตช์ นับว่าสุดยอดมากๆ
สเปนกลับมาทวงบัลลังก์เจ้าแห่งยุโรป!
ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ยูโร 2024 ทีมชาติสเปนในมือของ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ เป็นม้านอกสายตาของแฟนบอลพอสมควร จนถูกยกให้เป็นตัวเต็งแชมป์ลำดับ 5-6 ตั้งแต่ก่อนการแข่งขันจะเริ่ม
แต่เมื่อเกมเริ่ม…และผ่านรอบแบ่งกลุ่มมา สเปนกลับมาอยู่ในความสนใจของแฟนๆ อีกครั้ง จนหลายคนยกให้ทัพกระทิงดุที่โดดเด่นไม่น้อยในทัวร์นาเมนต์นี้ มีโอกาสเป็นแชมป์สูงไม่แพ้ทีมใด
จนในที่สุดทีมชาติสเปนหักด่านอังกฤษในเกมรอบชิงฯ 2-1 พร้อมคว้าแชมป์ยูโรไปครองสุดยิ่งใหญ่
โธมัส ทูเคิล นายใหญ่คนใหม่แห่งทีมชาติอังกฤษ
หลังจากพลาดโอกาสพาทีมชาติอังกฤษคว้าแชมป์ยูโรอย่างน่าผิดหวัง ทั้งที่มาถึงนัดชิงฯ ได้ 2 ครั้งติดต่อกัน สำหรับทัพสิงโตคำรามในมือของ แกเร็ธ เซาท์เกต ซึ่งเจ้าตัวเลือกก้าวลงจากตำแหน่งกุนซือในเวลาต่อมา
และนับจากนั้นไม่กี่เดือน ทีมชาติอังกฤษได้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยการแต่งตั้ง โธมัส ทูเคิล เข้ามารับงานกุนซือคนใหม่ของทีม ทำให้กลายเป็นกุนซือชาวเยอรมนีคนแรกที่จะได้คุมทีมชาติอังกฤษ และเป็นชาวต่างชาติในรอบ 12 ปี ถัดจาก ฟาบิโอ คาเปลโล ที่ได้ขึ้นหลังสิงโตในฐานะกุนซือของทีม
โดยภารกิจใหญ่ของทูเคิลกับทัพสิงโตคำราม (เบื้องต้น) คือการพาทีมฝ่าด่านรอบคัดเลือกเพื่อไปเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2026 ที่สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก เป็นเจ้าภาพร่วม
สานฝันประธานเป้! ในที่สุดเอ็มบัปเปก็ได้สวมเสื้อราชันชุดขาว
เคสนี้เป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจ แต่เกิดขึ้นกับตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ 2024/25 เมื่อ คีเลียน เอ็มบัปเป ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส ได้ฤกษ์เปิดตัวกับเรอัล มาดริด สุดยิ่งใหญ่ ในสนามซานติอาโกเบร์นาเบว หลังปฏิเสธต่อสัญญากับปารีส แซงต์ แชร์กแมง นั่นทำให้การย้ายทีมครั้งนี้ของเขาเป็นการย้ายแบบไร้ค่าตัว พร้อมเซ็นสัญญายาว 5 ปี (ถึงปี 2029) ฟันค่าเหนื่อย 15 ล้านยูโรต่อปี
ปิดฉาก 9 ปี เจอร์เกน คล็อปป์ อำลาลิเวอร์พูล เปิดทางสู่ยุคสมัยแห่งความร้อนแรงของ อาร์เน สลอต
นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในถิ่นแอนฟิลด์ช่วงปีที่ผ่านมา นั่นคือการอำลาทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมนีที่ตัดสินใจพักงานจากวงการฟุตบอล หลังคุมทีมหงส์แดงมายาวนานกว่า 9 ปี พาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และแชมป์พรีเมียร์ลีกที่สโมสรรอคอยกันมานานกว่า 30 ปี
อย่างไรก็ตาม อาร์เน สลอต กุนซือชาวดัตช์วัย 46 ปี ที่ตัดสินใจแยกทางกับเฟเยนูร์ด เพื่อมาเซ็นสัญญารับงานคุมทีมลิเวอร์พูลแบบไม่ได้ถูกคาดหวัง กลับทำผลงานได้อย่างร้อนแรง ชนิดที่กลายเป็นทีมที่ยากต่อการต่อกรในเวลานี้
เพราะอาร์เนพาทีมบินสูงด้วยการยึดอันดับ 1 ใน UCL และพรีเมียร์ลีก กับฟอร์มขั้นเทพ ทั้งที่เสริมทัพในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ไม่กี่คนเท่านั้น แต่ขุมกำลังที่เป็นมรดกจากคล็อปป์ อาร์เนสามารถปลูกปั้นและเรียกศักยภาพนักเตะในภาพรวมให้ทำผลงานอย่างยอดเยี่ยม และกลายเป็นทีมเต็งแชมป์พรีเมียร์ลีกในเวลานี้
ดราม่าบัลลงดอร์ ที่สุดท้ายตกเป็นของโรดรี และวินิได้นักเตะยอดเยี่ยมฟีฟ่าท้ายปี
นับเป็นอีกหนึ่งการประกาศผลรางวัลบัลลงดอร์ที่มีดราม่าใหญ่ครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้
ท่ามกลางการลุ้นอย่างหนักว่าใครจะได้รางวัลลูกบอลทองคำไปครอง ระหว่าง ‘วินิซิอุส จูเนียร์’ แห่งเรอัล มาดริด และ ‘โรดรี’ จอมทัพผู้เป็นหัวใจของแมนฯ ซิตี้และทีมชาติสเปน
ที่สุดท้ายแล้วบัลลงดอร์ปี 2024 ตกเป็นของโรดรี ที่ได้รับผลโหวตเหนือวินิเพียง 41 คะแนนเท่านั้น โดยตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา กองกลางรายนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญที่พาแมนฯ ซิตี้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก (สมัยที่ 4 ติดต่อกัน), แชมป์ยูฟ่าซูเปอร์คัพ, แชมป์สโมสรโลก และพาทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ยูโร รวมถึงรางวัลส่วนบุคคลอย่างนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์
และจากเหตุการณ์นี้พบปมที่ทำให้เห็นเหตุดราม่าตั้งแต่ก่อนงานประกาศรางวัล เพราะฝั่งเรอัล มาดริด ไม่ส่งนักเตะหรือคนของสโมสรเข้าร่วมแม้แต่คนเดียว เหตุเพราะไม่พอใจในเกณฑ์ตัดสิน และมองว่าผู้จัดไม่ให้เกียรติกับทีม เพราะสโมสรมองว่าหากวินิไม่ได้เป็นผู้ชนะ รางวัลนี้ก็ควรจะตกเป็นของ ดานี การ์บาฆาล ที่ประสบความสำเร็จไม่น้อยไปกว่าโรดรี ทั้งในนามสโมสรและทีมชาติสเปน
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ วินิซิอุส จูเนียร์ เป็นผู้ชนะรางวัลนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมจากเวที The Best FIFA Football Awards 2024 เช่นเดียวกับ คาร์โล อันเชลอตติ กุนซือของเรอัล มาดริด ที่ซิวรางวัลโค้ชยอดเยี่ยมไปครอง
เทนฮากไป อโมริมมา และวิกฤตทางผลงานที่รอวันแก้ไขของแมนฯ ยูไนเต็ด
นับจาก เอริก เทน ฮาก พาทีมโค่นอริร่วมเมืองคว้าแชมป์เอฟคัพ 2023/24 ไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา พร้อมได้สัญญาจาก INEOS และเงินเสริมทัพจำนวนหนึ่งสำหรับคุมทัพต่อในฤดูกาลนี้
ผลงานของทัพปีศาจแดงในฤดูกาล 2024/25 กลับไม่สู้ดี แทบจะไม่ได้ขยับตัวออกจากโซนครึ่งล่างของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก จน เทน ฮาก ไปไม่รอด…ถูกปลดพ้นตำแหน่งหลังเกมแพ้เวสต์แฮม 1-2 เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
นั่นทำให้ไม่กี่วันต่อมาทีมหันไปเซ็นสัญญากับกุนซือหนุ่มไฟแรงจากแดนฝอยทองอย่าง รูเบน อโมริม ที่กำลังไปได้สวยกับสปอร์ติง ลิสบอน เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ของทีม ท่ามกลางความคาดหวังของแฟนบอล ไม่ต่างจากฉากที่ซูเปอร์แมนอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่รอคอยความหวังแห่งการเปลี่ยนแปลง
ทว่า…การเปลี่ยนแปลงทีมที่ดูเหมือนอยู่ในวงล้อมของปัญหาหลายๆ มิติจะยังเป็นงานหินไม่น้อยสำหรับอโมริม กับแผน 3-4-3 ที่หยิบมาใช้แบบไม่เผื่อใจ
เพราะหลังผ่านไป 9 นัดพวกเขาทำผลงานชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 4 เกม ยังหาความลงตัวไม่เจอ และทำให้อันดับในลีกจมอยู่ที่ 13 ของตารางในปัจจุบัน
แฮร์รี เคน ราชาไร้บัลลังก์ ได้ทุกอย่างยกเว้นถ้วยแชมป์ และโคมันเสียสถิติชูถ้วยแชมป์ต่อเนื่อง
44 ประตูจาก 45 นัดในทุกรายการ นี่คือผลงานในฤดูกาลแรกของ แฮร์รี เคน กับบาเยิร์น มิวนิก ที่เจ้าตัวมาอยู่กับทีมได้เพียงฤดูกาลแรกเท่านั้น และทำให้เขาได้รางวัลส่วนตัวอย่างรองเท้าทองคำแห่งทวีปยุโรปและดาวซัลโวของบุนเดสลีกา
แต่จะด้วยวาสนาหรืออะไรก็ตามที่เล่นตลกกับเขา เพราะผลงานอันยอดเยี่ยมนี้ไม่สามารถทำให้เคนคว้าแชมป์กับทีมได้เลยสักรายการเดียว
ขณะเดียวกัน คิงสเลย์ โคมัน แนวรุกของบาเยิร์น มิวนิก เป็นอีกคนที่เสียสถิติกับทีมเมื่อฤดูกาล 2023/24 เพราะนั่นนับเป็นครั้งแรกในอาชีพการค้าแข้งของเจ้าตัวที่เขาไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกได้ หลังแชมป์บุนเดสลีกาตกเป็นไบเออร์ เลเวอร์คูเซน
โดยก่อนหน้านี้โคมันทำสถิติเป็นนักเตะคนแรกของ 5 ลีกใหญ่ยุโรปที่คว้าแชมป์ลีกได้ทุกปี นับตั้งแต่เล่นฟุตบอลอาชีพครั้งแรกกับปารีส แซงต์ แชร์กแมง เมื่อฤดูกาล 2012/13 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาลงเล่นให้ 3 ทีมดังอย่างปารีส แซงต์ แชร์กแมง, ยูเวนตุส และบาเยิร์น มิวนิก พร้อมกวาดถ้วยแชมป์ลีกต่อเนื่องได้มากถึง 12 ใบ
ลิโอเนล เมสซี ยังไม่แผ่ว พาอาร์เจนตินาป้องกันแชมป์โคปาอเมริกาสุดยิ่งใหญ่
แม้จะปล่อยใจ ค้าแข้งแบบชิลๆ กับอินเตอร์ ไมอามี พร้อมด้วยผองเพื่อน (อดีตนักเตะบาร์ซา) ที่ขนทัพไปเล่นในลีกลุงแซม จนช่วยทีมคว้าแชมป์ซัพพอร์เตอร์สชิลด์ (ทีมที่มีอันดับดีที่สุดในช่วงฤดูกาลปกติ)
แต่ ลิโอเนล เมสซี ในสีเสื้อทีมชาติอาร์เจนตินา ยังเป็นที่พึ่งของทีมอยู่เสมอแม้อายุจะล่วงเข้าวัย 37 ปี ภายหลังสวมปลอกแขนกัปตันนำทีมป้องกันแชมป์โคปาอเมริกาได้สำเร็จในช่วงกลางปีที่ผ่านมา และนับเป็นแชมป์สมัยที่ 16 ของทัพฟ้าขาว
และถึงนาทีนี้เหลือเวลาไม่ถึง 2 ปีเท่านั้น ก่อนฟุตบอลโลก 2026 จะเวียนกลับมาฟาดแข้งอีกครั้ง เมสซีที่ยังคงเล่นกับสโมสรและทีมชาติต่อเนื่องแบบนี้ ทำให้แฟนๆ เริ่มมีใจและคาดหวังว่าจะได้เห็นเขาในฟุตบอลโลกอีกครั้ง แม้เจ้าตัวจะเคยประกาศว่าเล่นครั้งสุดท้ายตอนได้แชมป์โลกที่กาตาร์เมื่อปี 2022 ไปแล้วก็ตาม