อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเริ่มคึกคัก! พาส่องเทรนด์ใหม่ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องที่พักหรือวิวสวยอีกต่อไป แต่อาหารโดยเฉพาะ ‘ทุเรียน’ กำลังกลายเป็นจุดขายสำคัญที่โรงแรมนำมาต่อยอดสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ
แซมมี่ คาโรลุส ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท กล่าวว่า อุตสาหกรรมโรงแรมและภาคการท่องเที่ยวไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัวแล้ว สะท้อนจากมูลค่าของธุรกิจโรงแรมที่คาดการณ์ว่าปี 2568 จะมีมูลค่าราว 9-9.6 แสนล้านบาท ส่วนอัตราการเข้าพักและราคาห้องพักเฉลี่ยกลับมาใกล้เคียงระดับก่อนโควิดแล้ว
ขณะที่ครึ่งแรกของปี ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศกว่า 17.5 ล้านคน จึงเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการและธุรกิจต้องหาประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
เช่นเดียวกับ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท ปัจจุบันลูกค้าที่เข้ามาพักเป็นต่างชาติ หลักๆ จะเป็นยุโรป ตามด้วย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ไตรมาสแรกของปี อัตราเข้าพักของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ถ้าเทียบกับปีที่แล้ว
แม้เมื่อไม่นานมานี้ไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์แผ่นดินไหว ทำให้ยอดจองห้องพักถูกยกเลิกไป 15% เนื่องจากนักท่องเที่ยวยังกังวลถึงความไม่ปลอดภัย แต่ปัจจุบันยอดจองห้องพักเริ่มกลับมาแล้วและยังไม่มีปัจจัยอะไรที่น่ากังวล
แต่สิ่งสำคัญธุรกิจโรงแรมต้องไม่หยุดสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อรองรับกับเทรนด์ในปี 2568 จะเห็นว่าเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ก้าวขึ้นมาเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของภาคการท่องเที่ยวโลก
โดย Credence Research บริษัทวิจัยตลาด คาดการณ์ว่าตลาดการท่องเที่ยวด้านอาหารของไทยจะเติบโตจาก 32,489.66 ล้านดอลลาร์ในปี 2567 โตเป็น 80,730.95 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2575 เรียกว่าโตเฉลี่ย 12.05% อีกทั้งยังพบว่า นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก 53% จะเลือกไปเที่ยวในประเทศต่างๆ ที่มีจุดเด่นเรื่องของอาหารและเครื่องดื่ม
จากเทรนด์ดังกล่าวจึงทำให้ ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท จับมือกับ Toby’s Farm สวนทุเรียนพรีเมียม จากจังหวัดจันทบุรี จัดแคมเปญ Durian Decadent Afternoon Tea ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 2
“ถือว่าไฮแอทเป็นโรงแรมแรกๆ ที่ได้นำทุเรียนเข้ามาให้บริการลูกค้า เพราะที่ผ่านมาหลายโรงแรมไม่อนุญาตให้นำทุเรียนเข้ามาในที่พัก และนอกจากจะเป็นการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าแล้วยังเป็นการช่วยโปรโมตสินค้าไทยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักด้วยเช่นกัน”
สำหรับไฮไลต์ของแคมเปญนี้ได้นำทุเรียนเกรดพรีเมียมมาพัฒนาชุดน้ำชายามบ่ายในธีมทุเรียนหมอนทองพรีเมียม ประกอบไปด้วยของหวาน 7 รายการ และเมนูคาว 3 รายการ
ทั้งนี้ในช่วงที่จัดแคมเปญคาดว่าจะทำให้โรงแรมมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการห้องอาหาร มากกว่าช่วงเวลาอื่นราว 41% และหากสะท้อนจากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ในช่วงที่จัดแคมเปญได้ใช้ทุเรียนทั้งหมด 200 กิโลกรัม ส่วนปีนี้ตั้งเป้าไว้จะอยู่ที่ 350 กิโลกรัม
พร้อมกล่าวต่อไปว่า ทุเรียนเป็นราชาผลไม้ยอดนิยมของไทยและทั่วโลก เห็นได้จากที่ผ่านมา ประเทศไทยส่งออกทุเรียนสดมูลค่า 3,219.42 ล้านดอลลาร์ ในปี 2565 คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดโลกสูงถึงร้อยละ 93.3 โดยมีตลาดหลักคือจีน ฮ่องกง และไต้หวัน
อย่างไรก็ตาม ตลาดทุเรียนไทยยังเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและเวียดนาม รวมถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและมาตรฐานการส่งออกที่เข้มงวด ซึ่งหลังจากโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท จัดแคมเปญดังกล่าวก็ยิ่งจะช่วยยกระดับและเพิ่มมูลค่าให้กับทุเรียนไทยได้เป็นอย่างดี
