เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติในเดือนมกราคมว่าจำเป็นต้องเห็นอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมากกว่านี้ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม และแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ที่อาจขัดขวางกระบวนการดังกล่าว ตามรายงานการประชุมที่เผยแพร่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (19 กุมภาพันธ์)
คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ตัดสินใจเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ หลังจากที่มีการปรับลดดอกเบี้ยติดต่อกัน 3 ครั้ง รวม 1% ตลอดปี 2024
ในการตัดสินใจครั้งนี้ สมาชิก FOMC ได้หารือถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งรวมถึงประเด็นเกี่ยวกับภาษีศุลกากร ตลอดจนผลกระทบจากการลดกฎระเบียบและภาษี คณะกรรมการระบุว่านโยบายปัจจุบันมีความเข้มงวดน้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้มีเวลาในการประเมินสภาพเศรษฐกิจก่อนตัดสินใจดำเนินมาตรการเพิ่มเติม
สมาชิกคณะกรรมการเห็นว่านโยบายในปัจจุบันช่วยให้สามารถ ‘ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ ตลาดแรงงาน และอัตราเงินเฟ้อที่กำลังเปลี่ยนแปลงได้’ ผู้เข้าร่วมการประชุมระบุว่า หากเศรษฐกิจยังคงอยู่ในภาวะการจ้างงานเต็มที่ พวกเขาต้องการเห็นความคืบหน้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินเฟ้อก่อนที่จะปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ Fed ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่การเปลี่ยนแปลงนโยบายอาจทำให้เงินเฟ้อสูงกว่าระดับเป้าหมายของ Fed ขณะนี้ประธานาธิบดีได้ประกาศใช้ภาษีศุลกากรบางส่วนแล้ว แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา Trump ได้ขู่ว่าจะขยายมาตรการดังกล่าวเพิ่มเติม และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (18 กุมภาพันธ์) Trump ระบุว่าเขากำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ยา และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจะเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก
คณะกรรมการยังเน้นถึง ‘ความเสี่ยงขาขึ้นต่อแนวโน้มเงินเฟ้อ’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและการตรวจคนเข้าเมือง
Jerome Powell ประธาน Fed พยายามหลีกเลี่ยงการคาดการณ์เกี่ยวกับผลกระทบของภาษีนำเข้า อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ Fed บางรายได้แสดงความกังวลและยอมรับว่ามาตรการของ Trump อาจส่งผลต่อแนวทางนโยบายการเงิน ซึ่งอาจทำให้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยต้องล่าช้าออกไปอีก ปัจจุบันตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในเดือนกรกฎาคมหรือกันยายน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนี S&P 500 ปิดตลาดที่ 6,144.15 จุด เพิ่มขึ้น 0.24% และทำสถิติสูงสุดตลอดกาล (All-Time High) เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน แม้ Fed จะยังส่งสัญญาณระมัดระวัง และ Trump ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติม
ดัชนี Nasdaq Composite ปิดบวก 0.07% ที่ 20,056.25 จุด ขณะที่ Dow Jones ปรับขึ้น 71.25 จุด (+0.16%) ปิดตลาดที่ 44,627.59 จุด
หุ้นเทคโนโลยีนำตลาด โดย Microsoft พุ่ง 1.3% หลังเปิดตัวชิปควอนตัมตัวแรกของบริษัท หุ้น Tesla ปรับขึ้นเกือบ 2% ส่วน Analog Devices พุ่งเกือบ 10% หลังรายงานผลประกอบการดีกว่าคาด
Apple เปิดตัว iPhone 16e สมาร์ทโฟนรุ่นประหยัดราคา 599 ดอลลาร์ หวังกระตุ้นยอดขายหลังจากช่วงเทศกาลวันหยุดที่ซบเซา ทางด้าน Nikola Corp. ยื่นล้มละลาย ปิดฉากการล่มสลายของอดีตดาวรุ่งแห่งอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า หลังเผชิญปัญหายอดขายที่อ่อนแอและเปลี่ยนตัวซีอีโอหลายครั้งจากกรณีอื้อฉาวด้านทุจริต ขณะที่ Carvana คาดว่ายอดขายรถยนต์และผลกำไรจะเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ที่สูงเป็นประวัติการณ์และดีกว่าคาดการณ์ของ Wall Street
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับลดลง 2 Basis Points มาอยู่ที่ 4.53% ขณะที่ ดัชนี Bloomberg Dollar Spot Index ปรับตัวขึ้น 0.2%
ภาพ: Chip Somodevilla / Getty Images
อ้างอิง: