สุขุมวิท 26 เป็นอีกซอยที่เหมือนสวรรค์ของนักชิม เพราะตั้งแต่ร้านอาหารมิชลิน 2 ดาวไปจนถึงสตรีทฟู้ด นี่ยังไม่รวมแหล่งช้อปปิ้งและไลฟ์สไตล์อีกหลายเวิ้ง ที่เรารู้สึกว่าคนกรุงสามารถมาใช้ชีวิตบริเวณนี้ได้ตลอดทั้งวันแบบไม่น่าเบื่อ เช่นเดียวกับที่ Factoria สถานที่ที่ทำให้ทุกความเป็นไปได้เกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะกิน ดื่ม เล่น หรือทำงาน ด้วยฝีมือการออกแบบของ Hypothesis ได้เนรมิตโกดังเก่าให้กลายเป็นแหล่งแฮงเอาต์สุดฮิปและเวิร์กกิ้งสเปซสำหรับคนรุ่นใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ Social City Hall รองรับการสังสรรค์หรือจัดงานทุกโอกาส บนพื้นที่โกดังขนาดใหญ่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก พร้อมที่จอดรถกว้างขวาง และแน่นอนว่าเต็มไปด้วยของอร่อยที่รอให้ทุกคนได้มาชิมด้วยตัวเอง
โกดังเก่าเปลี่ยนสภาพเป็นร้านอาหาร
The Vibe
ด้วยความที่เป็นโกดังเก่า บรรยากาศภายใน Factoria จึงค่อนข้างโปร่งโล่ง โทนกึ่งอินดัสเทรียลผสมผสานกับความเขียวชอุ่มของต้นไม้ในขวดแก้วบนโครงเหล็กชั้นวาง ซึ่งทางร้านได้คัดสรรเฉพาะต้นที่ช่วยฟอกอากาศและเพิ่มออกซิเจน โต๊ะเก้าอี้และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ถูกจัดวางตามมุมร้านอย่างไม่อึดอัด และสามารถขยับขยายให้กว้างขวางขึ้น หรืออบอุ่นเป็นกันเองได้ตามรูปแบบที่ต้องการ
บรรยากาศโปร่งโล่งสบายตา
The Concept
Flavour Factor (เฟลเวอร์ แฟคเตอร์) คือร้านอาหารที่เป็นส่วนหนึ่งของโกดัง Factoria เกิดจากกลุ่มเพื่อนผู้หลงใหลเรื่องอาหาร วรนล สามโกเศศ, อาทิตยา อรุณศรีโสภณ และ เชฟธี-ธีรวัฒน์ ชื่นสมบุญ ที่ตั้งใจค้นหาความน่าจะเป็นของรสชาติที่จะทำให้อาหารทุกจานในโกดังแห่งนี้มีรสชาติดีที่สุด จนกระทั่งออกมาเป็นเมนูหน้าตาเรียบง่ายจากวัตถุดิบชั้นเยี่ยม ปรุงรสเล็กน้อยเพื่อให้รสชาติจากตัววัตถุดิบเป็นพระเอก และเมื่อรับประทานแล้วติดใจอย่างแน่นอน
บรรยากาศภายในโกดัง
จุดเด่นของร้านนี้เห็นจะเป็นเรื่องเนื้อ แม้จะมีอาหารประเภทอื่นให้เลือกสั่งหลายอย่าง แต่สำหรับสายเนื้อทั้งหลาย เราขอบอกว่าคุณมาถูกที่แล้ว เพราะเชฟธีมีซีเล็กชันเนื้อที่หารับประทานได้ยากในไทย และเป็นเนื้อส่วนแปลกๆ ไม่คุ้นหู แต่รสชาติรับประกันไม่เป็นสองรองไพรม์คัตเลยทีเดียว
คอลเล็กชันเนื้อของ Flavour Factor นอกจากไพรม์คัตชั้นเยี่ยมที่คุ้นหูคุ้นปากชาวไทยสายเนื้อ ยังมีเนื้อนอกสายตาที่เราไม่ค่อยรู้จักกันสักเท่าไร หรือที่เรียกว่า Secondary Cut ไม่ว่าจะเป็น Rump, Flank, Chuck, Hanger หรือ Picanha ที่ราคาดีกว่าไพรม์คัตเกือบครึ่งหนึ่ง แต่ได้สัมผัสและรสชาติที่ดีไปอีกแบบ จะมาย่างเป็นสเต๊กก็ได้ หรือผัดกะเพราก็แจ่ม
หมูกรอบกร้วมจากการอบอันเป็นเทคนิคล้ำๆ ของเชฟที่พลาดสั่งไม่ได้เด็ดขาด
The Dishes
ระหว่างรอเนื้อกำลังย่าง อยากให้ลองเมนูกินเล่น ที่ไปๆ มาๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นกินจริงจัง หมูกรอบ (300 กรัม / 300 บาท) ที่เชฟธีบอกกับเราว่า หมูกรอบที่นี่มี 3 ไม่ คือ ไม่ต้ม ไม่ตาก และไม่ทอด ธรรมดาหมูกรอบทั่วไปจะผ่านการต้ม ทำให้รสชาติบางส่วนของหมูจางหาย ส่วนการที่ไม่ตาก ก็ทำให้หมูกรอบมีความสะอาดมากขึ้น และไม่ทอด ก็ยิ่งดีต่อสุขภาพแถมไม่อมน้ำมันเหมือนหมูกรอบทั่วไป ส่วนปริศนาความกรอบนั้น เชฟธีเฉลยว่า ความกรอบกร้วมของหมูกรอบมาจากการอบด้วยเตาพิเศษจนมันหมูละลายแล้วทอดหนังจนกรอบอีกที แถมยังมีความฉ่ำในเนื้อหมูเพราะไม่ผ่านการตากจนแห้งผาก ส่วนรสชาตินั้น ถ้าใช้หมูที่ดี แค่เกลือกับพริกไทยนิดหน่อยก็เกินพอ หมูกรอบในถาดมาพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดสำหรับคนชอบรสจัดจ้าน ซีอิ๊วหวานเผื่อใครที่อยากรับประทานแบบคลาสสิก และมีผักดองโฮมเมดมาให้กินแก้เลี่ยน
ซีซาร์สลัด
นอกจากเนื้อที่เหมาะสำหรับการทำให้สุกด้วยวิธีย่าง ผักก็เช่นกัน ปกติสั่งซีซาร์สลัดจะได้เป็นผักสดราดเดรสซิ่ง โรยเบคอนและชีส บางที่ใส่ไก่ฉีกมาเพิ่มเติม สำหรับที่นี่จะเสิร์ฟเป็น Grilled Caesar Salad (260 บาท) ผักกาดคอสย่างไฟอ่อนๆ จนหอมกรอบ คลุกเคล้าในน้ำมันมะกอกและซีซาร์เดรสซิ่งสูตรเฉพาะของเชฟธี ซึ่งมีส่วนผสมกว่าสิบอย่าง โรยหน้าด้วยขนมปังกรูตองซ์เนื้อเบากรอบ เบคอนแท่งยาว ชีสฝานบาง และไก่ที่ผ่านการซูวีแล้วค่อยไปย่างจนแห้ง
พาสต้าหอมๆ แบบไม่ต้องกลัวเลี่ยน
ขยับมาที่จานคาร์บสักสองเมนู Vongole Pasta (300 บาท) สปาเกตตีซอส A.O.P. ที่นำเส้นไปผัดกระเทียม น้ำมันมะกอก และพริกแห้ง จากนั้นคลุกเคล้ากับวอร์มอิมัลชัน ซึ่งเป็นน้ำสต๊อกที่ได้จากผักตีผสมกับน้ำมันมะกอก รวมกันจนได้ซอสข้นๆ แต่ปราศจากเนื้อครีม เมื่อผัดซอส A.O.P. และคลุกวอร์มอิมัลชันเรียบร้อยแล้ว ก็นำไปผัดกับหอยตลับ จากนั้นโรยพาร์เมซานชีสและใบโหระพาอิตาเลียนหอมๆ พาสต้าจานนี้กินได้กินดีไม่ต้องกลัวเลี่ยน
เราขอยกจานนี้ให้เป็นหนึ่งในพิซซ่าที่อร่อยที่สุดในรอบปี
ต่อด้วย พิซซ่าไส้อั่ว (350 บาท) เชฟทำแป้งพิซซ่าเนื้อบางกรอบด้วยตัวเองโดยใช้ยีสต์อายุกว่าร้อยปีในการหมักแป้ง ซึ่งยีสต์กระปุกนี้ได้มาจากอาจารย์ชาวต่างชาติซึ่งส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น และเลี้ยงยีสต์มาอย่างดี ทำให้แป้งมีความกรอบและหอมกว่าแป้งหมักทั่วไป แทนที่จะเบสหน้าพิซซ่าด้วยซอสมะเขือเทศ เชฟนำแป้งไปทาซอสสมุนไพรโทนมะกรูด ตะไคร้ และกระเทียม เพื่อให้เข้ากับไส้อั่วเชียงใหม่ และเสริมรสชาติซึ่งกันและกัน จากนั้นใส่มอสซาเรลลาชีสเพื่อเพิ่มรสชาติและความยืด สัมผัสไส้อั่วกับซอสสมุนไพรเข้ากันได้ดิบดีกับชีสและแป้งบางกรอบ จนเราขอยกให้เป็นหนึ่งในพิซซ่าที่อร่อยที่สุดในรอบปีนี้เลยล่ะ
เนื้อ Picanha แบบที่มาแล้วต้องสั่ง
ในที่สุดเนื้อที่สั่งไว้ก็พร้อมเสิร์ฟพอดี นี่คือ Picanha (250 กรัม / 1,000 บาท) เนื้อ Secondary Cut หรือเนื้อส่วนรองที่ไม่เป็นที่นิยมมากนัก ชิ้นนี้เป็นส่วนสะโพกด้านนอกคัตแบบบราซิลที่คนไทยไม่ค่อยรู้จัก แต่เราอยากให้คุณได้ลิ้มลอง เพราะใช้เนื้อวากิวออสเตรเลียพันธุ์แท้ ซึ่งมีกลิ่นและรสชาติที่หนักและเข้มข้นกว่าเนื้อวากิวพันธุ์ผสม นำไปย่างแบบ ‘Flame-grilled’ หรือให้เนื้อสัมผัสกับเปลวไฟโดยตรงจนกระทั่งสุกระดับมีเดียมแรร์ จากนั้นหั่นขวางลายเนื้อเพื่อให้สัมผัสได้ถึงความนุ่มและชุ่มฉ่ำของวากิว โรยดอกเกลือจากอุดรธานีและพริกไทยเล็กน้อย เสิร์ฟบนเขียงใหญ่พร้อมรวมมิตรผักย่าง ซอสแจ่ว เกรนมัสตาร์ด และผักดอง หากต้องการสัมผัสรสชาติของเนื้อแบบเต็มปากเต็มคำและเต็มรส ขอแนะนำให้รับประทานคู่กับเกรนมัสตาร์ด พร้อมโรยเกลือเพิ่มอีกนิดหน่อย แล้วปล่อยให้วัตถุดิบสำแดงพลังของมันเอง
เซตข้าวกะเพราเนื้อวากิว
และถ้ามาช่วงกลางวัน มีเวลาไม่มาก และอยากจะอิ่มในจานเดียว อย่าลืมสั่ง เซตข้าวกะเพราเนื้อวากิว (300 บาท) ที่ใช้เนื้อสะโพกวากิวพันธุ์แท้ผัดกะเพราหมาดๆ พร้อมโรยใบกะเพรากรอบ แล้วเสิร์ฟพร้อมน้ำปลาพริก ไข่ดาวกรอบย่าง และข้าวสวยเบลนด์ นอกจากผัดกะเพราเนื้อที่รสชาติเข้มข้นแล้ว ไข่ดาวกรอบย่างก็ไม่อมน้ำมัน เนื่องจากหลังทอดเสร็จจะถูกย่างเพื่อรีดน้ำมันออกอีกทีหนึ่ง ทำให้มีทั้งความกรอบ แห้งและเบากว่าไข่ดาวทั่วไป ส่วนข้าวสวยเบลนด์ มีส่วนผสมของข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียวเขี้ยวงู และเรดควินัว ให้กลิ่นหอม สัมผัสนุ่มหนึบ เติมเต็มกะเพราให้เพอร์เฟกต์ยิ่งกว่าเดิม
กินอุ่นๆ แล้วอร่อยมาก
อิ่มแปล้กันแล้ว ค่อยตบท้ายด้วยของหวานที่เชฟแนะนำให้สั่งล่วงหน้าตั้งแต่ตอนแรก เพราะใช้เวลาเตรียมค่อนข้างนาน Skillet Soft-baked Cookie A La Mode (220 บาท) นี่คือคุกกี้เนื้อนุ่มนิ่มไส้ช็อกโกแลตชิป อบในกระทะเหล็กด้วยอุณหภูมิร้อนจัด จากนั้นท็อปด้วยวานิลลาไอศกรีม ราดซอส Dulce de Leche ตัดรสด้วยผลเบอร์รีสด แล้วเพิ่มเท็กซ์เจอร์กรุบกรอบที่ได้จากอัลมอนด์ฝานบาง รีบกินขณะที่ยังอุ่นๆ แล้วจะรู้ว่าสวรรค์มีจริง
What You Should Know
- สำหรับใครที่หลงใหลเรื่องของเนื้อ และอยากอินกับเนื้อมากกว่าแค่มื้ออาหาร ทางร้านมีชมรม The Meat Club ที่จะจัดทุกวันเสาร์และอาทิตย์ต้นเดือน เซสชันละ 20 ที่นั่ง โดยเป็นกิจกรรมบีฟเทสติ้งเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องเนื้อโดยละเอียด เทสติ้งเนื้อหลายประเภท พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงเอร็ดอร่อยกับเนื้อจานโปรดคนละ 1 อย่าง พร้อมเบียร์ 2 แก้วและน้ำเปล่า ในราคาท่านละ 1,450 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ท่ี โทร. 08 2541 6695
- Flavour Factor ตั้งอยู่ในโกดัง Factoria ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Warehouse 26 และเป็นพื้นที่อเนกประสงค์รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตามคอนเซปต์ Social City Hall
- หากเจอเชฟธี ลองถามเรื่องเกลืออร่อยๆ หลากหลายชนิดที่เขาชอบนำมาจับคู่กับเนื้อดูสิ
Flavour Factor
Open: วันอังคารถึงอาทิตย์ เวลา 11.00-22.00 น. (วันศุกร์และเสาร์ ปิดเที่ยงคืน)
Address: Factoria โครงการ Warehouse 26 ซอยสุขุมวิท 26 กรุงเทพฯ
Budget: 500-2,000 บาท
Contact: โทร. 08 2541 6695
Website: www.facebook.com/FlavourFactorBKK
Map:
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า