×

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก รับความหวังจีน-สหรัฐฯ ลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกเดือนหน้า: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (29 ต.ค. 2562)

โดย FINNOMENA
29.10.2019
  • LOADING...
  • ฮ่องกงยอมรับกำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย พอล ชาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของฮ่องกง ระบุว่าเกาะศูนย์กลางการค้าของจีนกำลังเผชิญความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) และอาจเติบโตช้ากว่าที่คาดการณ์เอาไว้ในปีนี้ อันเป็นผลมาจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่ลากยาวมานานกว่า 5 เดือนและไม่มีวี่แววว่าจะยุติลงง่ายๆ ชานกล่าวว่าเป็นเรื่อง ‘ยากลำบากอย่างยิ่ง’ ที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจตลอดทั้งปีที่ 0-1% ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ก่อนจะมีการประท้วงเกิดขึ้น โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนฮ่องกงลดฮวบลงเกือบ 50% ในเดือนตุลาคม ซึ่งชานระบุว่าเป็น ‘สถานการณ์ฉุกเฉิน’ ที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข ส่วนธุรกิจค้าปลีกตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าไปจนถึงกิจการในครอบครัวล้วนจำเป็นต้องปิดให้บริการหลายวันในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และแม้รัฐบาลฮ่องกงจะประกาศมาตรการช่วยเหลือธุรกิจ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมประท้วง แต่ชานยอมรับว่า ‘ช่วยได้เพียงเล็กน้อย’ เท่านั้น รัฐมนตรีผู้นี้เรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมปล่อยประชาชนกลับไปใช้ชีวิตกันตามปกติ ให้ภาคอุตสาหกรรมและการค้ากลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามเดิม และเพิ่มพื้นที่สำหรับการพูดคุยอย่างมีเหตุมีผล

 

  • ทรัมป์ทวีตฉลอง หลังดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดตลอดกาล ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ทวีตข้อความขานรับการพุ่งขึ้นของดัชนี S&P 500 หลังทะยานขึ้น 0.6% เหนือระดับ 3,027.98 จุด แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แซงหน้าจุดสูงสุดเดิมที่ทำไว้ในวันที่ 26 กรกฎาคม ซึ่งทรัมป์ระบุว่าเป็นชัยชนะสำหรับการจ้างงานและทุกคนในสหรัฐฯ นอกจากนี้เขาแย้มว่าจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนก่อนกำหนด แต่ยังไม่ระบุกำหนดเวลาในการลงนามที่ชัดเจน “เรามีแนวโน้มที่จะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนก่อนกำหนด ซึ่งจะมีเนื้อหาจำนวนมาก” ทรัมป์กล่าวต่อผู้สื่อข่าว “เนื้อหาส่วนใหญ่ในข้อตกลงการค้าดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับภาคเกษตรและภาคธนาคาร” สำหรับการลงนามระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนอาจเกิดขึ้นก่อนหน้าหรือหลังการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ที่ประเทศชิลี ระหว่างวันที่ 16-17 พฤศจิกายน

 

  • จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ วันนี้สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CB Consumer Confidence) ประจำเดือนตุลาคม ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 128.0 จุด เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนหน้าที่ 125.1 จุด ซึ่งยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2000 สะท้อนความมั่นใจในเศรษฐกิจในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังมีกำหนดการประกาศตัวเลขยอดขายบ้านรอปิดการขาย ซึ่งคาดว่าจะขยายตัว 0.9% (MoM) ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.6% เล็กน้อย แต่ยังเป็นการขยายตัวต่อ 2 เดือนต่อเนื่อง

 

  • Brexit เลื่อนเส้นตาย โดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป เผยว่าประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ทั้ง 27 ประเทศมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการแยกตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรป (Brexit) ออกไป 3 เดือน เป็นวันที่ 31 ตุลาคม 2020 แทน พร้อมทั้งระบุว่าการขยายระยะเวลาดังกล่าวเป็นการขยายแบบยืดหยุ่น (Flextension) ซึ่งหมายความว่าหากอังกฤษผ่านกฎหมายได้ทันและต้องการแยกตัวก่อนกำหนดก็สามารถทำได้ หากรัฐสภาเห็นชอบ

 

  • สหรัฐฯ เดินหน้ากระตุ้นสินเชื่อบ้าน สำนักข่าว Reuters รายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมสร้างแรงจูงใจให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อบ้านให้แก่ผู้ที่มีรายได้ต่ำอีกครั้ง ด้วยการปรับแก้กฎเกณฑ์ที่ถูกบังคับใช้ช่วงหลังวิกฤตซับไพรม์ โดยกระทรวงการเคหะและพัฒนาเมืองสหรัฐฯ จะใช้ช่องทาง Federal Housing Administration ในการให้บริการประกันสินเชื่อสำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำและมีเครดิตไม่ดีเพื่อให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น อีกทั้งกระทรวงยุติธรรมที่เคยทำหน้าที่ฟ้องร้องเพื่อเรียกสินไหมทดแทนและยึดทรัพย์ในช่วงวิกฤตนั้นจะทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาทางกฎหมายแก่ผู้ขอสินเชื่อมากขึ้น เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปได้อย่างราบรื่น

 

ภาวะรวมตลาดวานนี้

  • ดัชนี Dow Jones ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นกว่า 130 จุด ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ทำ New High หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่าจะลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนก่อนการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) และความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้

 

  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก นำโดยหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์และกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้นจากความหวังที่สหรัฐฯ และจีนใกล้บรรลุข้อตกลงการค้าในเฟสแรก และตลาดยังได้แรงหนุนจากความเห็นชอบเรื่องการขยายระยะเวลาการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ไปเป็นวันที่ 31 มกราคมปีหน้า

 

  • ตลาดน้ำมันกลับมาปิดลบครั้งแรกในรอบ 5 วัน หลังจากนักลงทุนกังวลเรื่องเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว รวมทั้งการคาดการณ์ว่าสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้น และได้รับแรงกดดันจาก ราเวล โซโรคิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพลังงานรัสเซีย ที่ออกมากล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่กลุ่ม OPEC จะลดกำลังการผลิต โดยกลุ่ม OPEC มีประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 5-6 ธันวาคมนี้

 

  • ตลาดทองคำปิดลบหลุดแนว 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากความคาดหวังเรื่องข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันที่ 29-30 ตุลาคม โดยตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้

 

สหรัฐฯ 

  • Dow 30 ปิดที่ 27090.72 เพิ่มขึ้น 132.66 (+0.49%)
  • S&P 500 ปิดที่ 3039.42 เพิ่มขึ้น 16.87 (+0.56%)
  • Nasdaq ปิดที่ 8325.99 เพิ่มขึ้น 82.87 (+1.01%)

 

ยุโรป

  • DAX ปิดที่ 12941.71 เพิ่มขึ้น 47.2 (+0.37%)
  • FTSE 100 ปิดที่ 7331.28 เพิ่มขึ้น 6.81 (+0.09%)
  • Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3625.69 เพิ่มขึ้น 1.01 (+0.03%)
  • FTSE MIB ปิดที่ 22695.64 เพิ่มขึ้น 86.65 (+0.38%)

 

เอเชีย

  • Nikkei 225 ปิดที่ 22867.27 เพิ่มขึ้น 67.46 (+0.3%)
  • S&P/ASX 200 ปิดที่ 6740.7 เพิ่มขึ้น 1.5 (+0.02%)
  • Shanghai ปิดที่ 2980.05 เพิ่มขึ้น 25.12 (+0.85%)
  • SZSE Component ปิดที่ 9801.87 เพิ่มขึ้น 141.43 (+1.46%)
  • China A50 ปิดที่ 13955.49 เพิ่มขึ้น 33.7 (+0.24%)
  • Hang Seng ปิดที่ 26891.26 เพิ่มขึ้น 223.87 (+0.84%)
  • Taiwan Weighted ปิดที่ 11315.02 เพิ่มขึ้น 18.9 (+0.17%)
  • SET ปิดที่ 1596.48 เพิ่มขึ้น 3.2 (+0.2%)
  • KOSPI ปิดที่ 2093.6 เพิ่มขึ้น 5.71 (+0.27%)
  • IDX Composite ปิดที่ 6265.38 เพิ่มขึ้น 13.04 (+0.21%)
  • PSEi Composite ปิดที่ 7946.53 เพิ่มขึ้น 24.03 (+0.3%)
  • **BSE Sensex หยุดทำการ

 

Commodity

  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 55.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.77 (-1.36%)
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดที่ 61.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.72 (-1.16%)
  • ราคาทองคำ ปิดที่ 1494.15 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 11.15 (-0.74%

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง: 

  • Infoquest
  • Bloomberg
  • Investing

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising