×

ผ่านครึ่งปี กำไรธนาคารไทยรวมกันทะลุแสนล้าน, จับตาผลประกอบการบริษัทเทคโนโลยีกลุ่ม FAANGS ในสหรัฐฯ สัปดาห์นี้: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (22 ก.ค. 62)

โดย FINNOMENA
22.07.2019
  • LOADING...
FINNOMENA
  • จับตาคำแถลงนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ หลังผ่านการเลือกตั้งมากว่า 108 วัน ล่าสุด พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา พาคณะรัฐมนตรีเข้ารับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อย และมีกำหนดจะแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบไปด้วย แถลงการณ์นโยบายหลัก 12 ข้อ และนโยบายเร่งด่วน 12 ข้อ โดย 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นกำหนดอภิปราย 2 วัน รวม 28 ชั่วโมง ซึ่งไฮไลต์สำคัญคือ ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้อนุญาตให้มีการอภิปรายเรื่องคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี

 

  • กระทรวงคมนาคมเตรียมลดค่าโดยสารทั้งระบบหลังรัฐบาลแถลงนโยบาย โดย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงกรณีค่าครองชีพที่สูงขึ้นในปัจจุบันว่าหลังจากแถลงนโยบายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางกระทรวงคมนาคมเตรียมมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวกรุงเทพฯ และปริมณฑล ด้วยการบรรจุการพิจารณาลดค่าโดยสารรถสาธารณะรวมไปถึงรถไฟฟ้าเป็นวาระเร่งด่วน โดยตั้งเป้าหมายเพื่อลดค่าครองชีพควบคู่ไปกับเสถียรภาพของรัฐวิสาหกิจ

 

  • จับตาผลประกอบการ FAANGS หลังจากที่ Netflix ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2/2019 ต่ำกว่าคาด ส่งผลให้ราคาร่วงลง 10.2% สัปดาห์นี้จะมีการประกาศผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม FAANGS ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีขนาดและอิทธิพลต่อกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลก ประกอบไปด้วย Facebook มีกำหนดประกาศในวันพุธที่ 24 กรกฎาคม, Alphabet (Google) และ Amazon (25 กรกฎาคม) และ Apple (30  กรกฎาคม) ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าเมื่อกลุ่ม FAANGS ประกาศผลประกอบการครบจะส่งผลให้ Sentiment ของตลาดมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่มีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวและความคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา

 

  • ติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม โดยตลาดคาดหวังว่าจะมีการส่งสัญญาณการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมทั้งในส่วนของการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการเพิ่มสภาพคล่องในระบบ หลังจากที่สัปดาห์ก่อนหน้า มัสซิโม รอสตากโน หนึ่งในคณะทำงานของ ECB ออกมาแถลงว่าอาจมีการพิจารณาเรื่องอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายอีกครั้งว่าเป้าหมายที่ต่ำกว่าแต่ใกล้เคียง 2% นั้นยังเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ เพื่อทำให้ ECB สามารถดำเนินการด้านนโยบายการเงินได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

 

  • ผ่านครึ่งปี ผลประกอบการธนาคารไทยรวมกันทะลุแสนล้าน โดยหุ้นกลุ่มธนาคารไทยทยอยประกาศงบการเงินไตรมาส 2/2562 โดยส่วนใหญ่กำไรจากอัตราดอกเบี้ยและสินเชื่อยังขยายตัว รวมกำไรสุทธิไตรมาสที่ 2/2562 อยู่ที่ 52,397 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรกกำไรสุทธิ 107,597 ล้านบาท ถึงแม้สินเชื่อมีแนวโน้มชะลอตัว แต่สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) มีแนวโน้มลดลง โดยผลกระทบจากการยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนยังเป็นปัจจัยกระทบ 

 

    • SCB กำไรไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 10,976 ล้านบาท +4.9% (YoY): รายได้ดอกเบี้ยขยายตัว แต่แนวโน้มธุรกิจประกันชะลอตัว ขณะที่ค่าใช้จ่ายกระบวนการ Transformation องค์กรอยู่ในช่วงสุดท้ายแล้ว
    • KTB กำไรไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 8,170 ล้านบาท +6.7% (YoY): ได้รับปัจจัยระยะสั้นจากการขายทอดตลาดทรัพย์สินหลักประกันจำนอง 3,899 ล้านบาท
    • BBL กำไรไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 9,347 ล้านบาท +1.7% (YoY): รายได้ดอกเบี้ยขยายตัว 0.4% ขณะ NPL ปรับตัวลดลง
    • KBANK กำไรไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 9,929 ล้านบาท -7.66% (YoY): รายได้ดอกเบี้ยขยายตัวดี แต่รายได้จากประกันและผลิตภัณฑ์ตลาดทุนลดลง 16%
    • BAY กำไรไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 7,010 ล้านบาท +58.1% (YoY): ปัจจัยระยะสั้นมาจากขายหุ้นเงินติดล้อ 50% หากหักออกขยายตัว 11.6% มาจากดอกเบี้ยและสินเชื่อโตดี

 

สภาวะตลาดวันศุกร์ที่ผ่านมา

 

  • ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับขึ้นขานรับธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) สาขานิวยอร์กที่ตอกย้ำถึงการลดดอกเบี้ย โดย จอห์น วิลเลียมส์ ประธาน Fed สาขานิวยอร์ก ออกมาให้ความเห็นกับสื่อว่า ‘ควรรีบตัดสินใจ’ ลดดอกเบี้ยเมื่อเห็นสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากมีข้อจำกัดในการใช้นโยบายลดดอกเบี้ยไม่มากแล้ว

 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง แม้มีปัจจัยหนุนจากรายได้หุ้นเทคฯ อย่าง Microsoft ที่ออกมาทำสถิติสูงสุดใหม่ แต่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเพียง 0.15% หรือ American Express แม้ผลประกอบการออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด แต่กลับปิดลบ 2.5% ซึ่งราว 15% ของบริษัททั้งหมดในสหรัฐฯ ได้ประกาศงบออกมาแล้ว ดีกว่าที่คาดไว้ถึง 79% จากทั้งหมด แต่ตลาดสหรัฐฯ กลับปรับตัวลง ดังนั้นในระยะต่อไปนี้จึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

 

  • สินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ ได้รับแรงหนุนจากแนวโน้ม Fed ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย ส่งผลให้เหรียญสหรัฐปรับลง หนุนราคาทองคำขึ้นไปทำ New High ที่ 1,454 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ก่อนจะปรับตัวลงมาปิดที่ 1,426.30 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ 

 

  • ราคาน้ำมันได้รับปัจจัยลบด้านอุปทาน หลังผู้ผลิตในอ่าวเม็กซิโกกลับมาผลิตได้อีกครั้ง ภายหลังจากที่หยุดการผลิตเพราะได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนแบร์รี นอกจากนี้ความตึงเครียดที่ลดลงในตะวันออกกลาง หลังอิหร่านเสนอเจรจาเรื่องโครงการขีปนาวุธกับสหรัฐฯ เพื่อให้ยุติมาตรการคว่ำบาตรก็ทำให้ลดความกังวลเรื่องภาวะอุปทานเช่นกัน

 

ยุโรป

 

  • STOXX600 ปิดที่ 386.80 ลดลง 0.86 (-0.22%)

 

  • DAX ปิดที่ 12,260.07 เพิ่มขึ้น 32.22 (+0.26%)

 

  • FTSE 100 ปิดที่ 7,508.70 เพิ่มขึ้น 15.61 (+0.21%)

 

  • FTSE MIB ปิดที่ 21,641.46 ลดลง 449.35 (-2.03%)

 

เอเชีย

 

  • S&P/ASX 200 ปิดที่ 6,700.30 เพิ่มขึ้น 51.20 (+0.77%)

 

  • KOSPI ปิดที่ 2,094.36 เพิ่มขึ้น 27.81 (+1.35%)

 

  • Shanghai ปิดที่ 2,924.20 เพิ่มขึ้น 23.02 (+0.79%)

 

  • Hang Seng ปิดที่ 28,765.40 เพิ่มขึ้น 303.74 (+1.07%)

 

  • BSE Sensex ปิดที่ 38,337.01 ลดลง 560.45 (-1.44%)

 

  • Nikkei ปิดที่ 21,466.99 เพิ่มขึ้น 420.75 (+2.00%)

 

  • SET ปิดที่ 1,735.10 เพิ่มขึ้น 11.66 (+0.68%)

 

อเมริกา

 

  • DOW30 ปิดที่ 27,154.20 ลดลง 68.77 (-0.25%)

 

  • S&P500 ปิดที่ 2,976.61 ลดลง 18.50 (-0.62%)

 

  • NASDAQ ปิดที่ 8,146.49 ลดลง 60.75 (-0.74%)

 

Commodities

 

  • ราคาน้ำมัน WTI ปิดที่ 55.75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.45 (+0.81%)

 

  • ราคาน้ำมัน Brent ปิดที่ 62.84 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.91 (+1.47%)

 

  • ราคาทองคำ COMEX ปิดที่ 1,426.30 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ลดลง 1.80 (-0.13%)

finnomena in partnership

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง: 

  • Infoquest
  • Bloomberg
  • Investing
  • Thairath
  • E-government
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising