- สภาพัฒน์เผย GDP ไทยโต 2.4% ต่ำกว่าคาด แต่ยังขยายตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยวานนี้ (18 พฤศจิกายน) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย ประจำไตรมาส 3/62 ออกมาที่ขยายตัว 2.4% (YoY) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 2.3% (YoY) แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.6% (YoY) หรือคิดเป็นการขยายตัว 0.10% (QoQ) ลดลงจากไตรมาส 2/62 ที่ขยายตัว 0.60% (QoQ)
จากภาวะการส่งออกและนำเข้าที่ยังหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของการบริโภคภาคครัวเรือน การบริโภคภาครัฐบาล และการลงทุนรวม ส่งผลให้ภาพรวมปี 2562 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ระดับประมาณ 2.6% โดยในส่วนของการส่งออกจะหดตัว 2.0% การนำเข้าหดตัว 3.6% แต่ยังมองว่าการส่งออกไทยจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้งในไตรมาสที่ 4 ซึ่งจะส่งผลให้ไตรมาสที่ 4 ขยายตัวประมาณ 2.8% จึงจะส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 2562 ขยายตัวได้ 2.6% ตามคาด
ด้าน อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุพร้อมผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง ท่ามกลางการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
- สหรัฐฯ ผ่อนผันให้ทำการค้ากับ Huawei อีก 90 วัน วานนี้ (18 พฤศจิกายน) วิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศขยายระยะเวลาการผ่อนผันอนุญาตให้บริษัทโทรคมนาคมสหรัฐฯ ยังคงใช้ชิ้นส่วนอุปกรณ์จากบริษัท Huawei ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจากจีนได้ต่อไปอีก 90 วัน หลังจากที่ครบกำหนดการผ่อนผันไปวานนี้ พร้อมทั้งระบุว่าจะยังคงติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมของสหรัฐฯ จะไม่ตกไปอยู่ในมือของผู้ที่เป็นภัยคุกคามต่อประเทศ
ด้าน เหลียงหัว ประธานบริษัท Huawei ให้สัมภาษณ์ระบุว่า การผ่อนผันใบอนุญาตของสหรัฐฯ นั้นมีนัยต่อบริษัทน้อยมาก เนื่องจาก Huawei สามารถที่จะส่งออกสินค้าไปยังประเทศอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาชิ้นส่วนและชิปจากสหรัฐฯ
- ทรัมป์ หารือ พาวเวลล์ ได้ด้วยดี วานนี้ (18 พฤศจิกายน) มีกำหนดการพบปะกันระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อหารือถึงภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งสื่อต่างจับตามอง เนื่องจาก โดนัลด์ ทรัมป์ มีการเรียกร้องให้ปลด เจอโรม พาวเวลล์ บ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา ฐานที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าที่เขาต้องการ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ากว่าที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตาม หลังจากการหารือกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความระบุว่า การเจรจาเป็นไปได้ด้วยดี ได้มีการหารือในประเด็นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย การใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ ภาวะเงินเฟ้อต่ำ การใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน การแข็งค่าของดอลลาร์ และผลกระทบต่อภาคการผลิต การค้ากับจีนและสหภาพยุโรป รวมทั้งประเด็นอื่นๆ โดยมิได้เปิดเผยเนื้อหา หรือข้อสรุปแต่อย่างใด
- BOJ ยัน เดินหน้าใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย วานนี้ (18 พฤศจิกายน) ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธานธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ให้สัมภาษณ์ระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% แต่ BOJ ยังคงจำเป็นที่จะต้องระวังความเสี่ยงต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ส่งผลให้นโยบายการเงินของญี่ปุ่นจะยังคงเป็นไปในเชิงผ่อนคลายต่อไป
- จีนสวนศาลฮ่องกง ระบุไม่มีอำนาจยกเลิกกฎหมายแบนหน้ากาก หลังจากที่การชุมนุมในฮ่องกงยังมีแนวโน้มรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้คณะผู้บริหารฮ่องกงใช้อำนาจพิเศษในการสั่งห้ามผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลสวมหน้ากาก เครื่องปิดบังใบหน้า และระบายสีบนใบหน้าทุกชนิด หากมีผู้ฝ่าฝืนจะได้รับโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี ปรับเงินสูงสุด 25,000 ดอลลาร์ฮ่องกงนั้น วานนี้ศาลสูงฮ่องกงระบุว่าการใช้อำนาจดังกล่าวนั้นเป็นการใช้อำนาจที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และเป็นการจำกัดสิทธิพื้นฐานเกินความจำเป็น
อย่างไรก็ตามวันนี้สภานิติบัญญัติสูงสุดของจีน ระบุว่าศาลสูงฮ่องกงไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจในประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้คำพิพากษาของศาลสูงไม่มีผลในการยกเลิกการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว
ภาวะตลาดวานนี้
- ดัชนีดาวโจนส์ปรับบวกเล็กน้อย นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิป จากการที่สหรัฐฯ ขยายระยะเวลาการคว่ำบาตร Huawei 90 วัน อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังจับตามองประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ยังไม่มีท่าทีที่แน่ชัด ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบสวนทางกับทางฝั่งสหรัฐฯ แต่ยังมีแรงซื้อคอยพยุงตลาดไม่ให้ปรับตัวลงแรงในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เฮลท์แคร์ และสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มปลอดภัย
- ตลาดน้ำมันปิดลบจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง ขณะที่นักลงทุนจับตามองการประชุมโอเปกในต้นเดือนหน้า ด้านตลาดทองคำปิดบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกทำให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
สหรัฐฯ
- Dow 30 ปิดที่ 28036.22 เพิ่มขึ้น 31.33 (0.11%)
- S&P 500 ปิดที่ 3122.03 เพิ่มขึ้น 1.57 (0.05%)
- Nasdaq ปิดที่ 8549.94 เพิ่มขึ้น 9.11 (0.11%)
ยุโรป
- DAX ปิดที่ 13207.01 ลดลง -34.74 (-0.26%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7307.7 เพิ่มขึ้น 4.76 (0.07%)
- Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3704.92 ลดลง -6.69 (-0.18%)
- FTSE MIB ปิดที่ 23463.98 ลดลง -124.61 (-0.53%)
เอเชีย
- Nikkei 225 ปิดที่ 23416.76 เพิ่มขึ้น 113.44 (0.49%)
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6766.8 ลดลง -26.9 (-0.4%)
- Shanghai ปิดที่ 2908.94 ลดลง -0.27 (-0.01%)
- SZSE Component ปิดที่ 9715.27 เพิ่มขึ้น 67.28 (0.7%)
- China A50 ปิดที่ 14013.37 เพิ่มขึ้น 107.2 (0.77%)
- Hang Seng ปิดที่ 26681.09 เพิ่มขึ้น 354.43 (1.35%)
- Taiwan Weighted ปิดที่ 11599.78 เพิ่มขึ้น 74.18 (0.64%)
- SET ปิดที่ 1608 เพิ่มขึ้น 5.77 (0.36%)
- KOSPI ปิดที่ 2160.69 ลดลง -1.49 (-0.07%)
- IDX Composite ปิดที่ 6122.63 ลดลง -5.72 (-0.09%)
- BSE Sensex ปิดที่ 40284.19 ลดลง -72.5 (-0.18%)
- PSEi Composite ปิดที่ 7880.94 ลดลง -52.02 (-0.66%)
Commodity
- ราคาน้ำมัน Crude Oil WTI ปิดที่ 57.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.7 (-1.22%)
- ราคาน้ำมัน Brent Oil ปิดที่ 62.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -1.06 (-1.67%)
- ราคาทองคำ Gold ปิดที่ 1471.79 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 4.42 (0.3%)
.
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- InfoQuest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters
