×

ฝรั่งเศสเตรียมเรียกเก็บภาษีรายได้จากบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ เช่น Amazon, Google, Facebook และ Apple หลังวุฒิสภาไฟเขียว: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (12 ก.ค. 2562)

โดย FINNOMENA
12.07.2019
  • LOADING...
  • จับตายอดการนำเข้า-ส่งออกจีน โดยวันนี้ทางการจีนมีกำหนดจะประกาศตัวเลขดุลการค้า (นำเข้า-ส่งออก) ซึ่งจะสะท้อนถึงการบริโภคภายในประเทศ และการค้าระหว่างประเทศ โดยในเดือนมีนาคม 2019 ยอดการส่งออกหดตัวถึง -20.7% (YoY) และในเดือนพฤษภาคม ยอดการนำเข้าหดตัว -8.5% (YoY) ซึ่งสะท้อนการค้าระหว่างประเทศที่ผันผวน และการบริโภคที่ชะลอตัวลง จากแรงกดดันของสงครามการค้า ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขดุลการค้าจะเกินดุลที่ 45,200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นการหดตัวของฝั่งส่งออก -2.0% (YoY) สอดคล้องไปกับการนำเข้าที่คาดว่าจะหดตัวที่ -4.5% (YoY) ซึ่งสะท้อนการค้าและการบริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว

 

  • จับตาตัวเลขอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ หลังจากวานนี้ดัชนีราคาผู้บริโภค และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานสหรัฐฯ (CPI&Core CPI) ออกมาดีกว่าคาด วันนี้สหรัฐฯ มีกำหนดจะประกาศดัชนีราคาผู้ผลิต และดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน (PPI&Core PPI) ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงอัตราเงินเฟ้อในฝั่งผู้ผลิต ซึ่งหมายถึงการปรับขึ้นราคาของสินค้าและบริการต่างๆ หน้าโรงงาน หากมีการขยายตัวในระดับที่มากขึ้น จะสะท้อนความสามารถในการตั้งราคาและส่งต่อเงินเฟ้อ หรือค่าใช้จ่ายต่างๆ ไปยังผู้บริโภคได้ ซึ่งจะเป็นสัญญาณยืนยันว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อยังมีความแข็งแกร่ง และการเพิ่มขึ้นของต้นทุนต่างๆ จะไม่ถูกแบกรับไว้โดยอุตสาหกรรมนั้นๆ เอง ซึ่งจะส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทต่างๆ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขจะขยายตัว 0.1% และ 0.2% (MoM) โดยทรงตัวจากครั้งก่อนหน้าตามลำดับ ทั้งนี้หากตัวเลขดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังออกมาดีกว่าคาดต่อเนื่อง อาจสร้างความกังวลให้แก่นักลงทุนที่คาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้

 

  • สหรัฐฯ อนุมัติให้ขายสินค้าทั่วไปแก่ Huawei ได้ หลังจากที่การประชุม G20 ที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ และสีจิ้นผิง ได้พบปะและมีท่าทีที่ประนีประนอมมากขึ้น ทั้งในกรณีสงครามการค้าและบริษัท Huawei ล่าสุดวานนี้ วิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า Huawei จะยังคงอยู่ในบัญชี Entity List ที่ต้องตามจับตาต่อไป แต่จะมีการอนุมัติให้ทำการค้าในส่วนที่ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ ได้ ซึ่งหมายความว่าในส่วนของอุตสาหกรรม 5G ของ Huawei จะยังไม่ได้รับการอนุมัติต่อไป

 

  • รัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมอนุมัติวงเงินพิเศษ รับมือผลกระทบหลังจากที่ญี่ปุ่นได้ประกาศควบคุมการส่งออกวัสดุไฮเทคไปยังเกาหลีใต้ ซึ่งสร้างความกังวลว่าจะกระทบต่อธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของเกาหลีใต้ เนื่องจากวัสดุดังกล่าวต้องนำเข้าจากญี่ปุ่นถึงกว่า 90% ของมูลค่าทั้งหมด ล่าสุดวานนี้รัฐบาลออกแถลงการณ์ว่าจะอนุมัติวงเงินกว่า 300,000 ล้านวอน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวให้ทัดเทียมกับญี่ปุ่น เพื่อลดการพึ่งพาญี่ปุ่นในระยะยาว

 

  • ฝรั่งเศสเตรียมเรียกเก็บภาษีรายได้จากบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ โดยไม่สนคำขู่จากสหรัฐฯ หลังวุฒิสภาฝรั่งเศสได้ลงมติอนุมัติให้มีการเรียกเก็บภาษีรายได้จากบริษัทเทคโนโลยี 30 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทอเมริกัน เช่น Amazon, Google, Facebook และ Apple โดยภาษีดังกล่าวจะเรียกเก็บกับบริษัทที่มีรายได้จากการให้บริการด้านดิจิทัลทั่วโลกอย่างต่ำ 750 ล้านยูโร หรือราว 845 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจำนวนนี้เป็นรายได้ที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศส 25 ล้านยูโร หรือราว 28 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งฝรั่งเศสจะเรียกเก็บที่อัตรา 3% 

 

สภาวะตลาดวานนี้

  • สหรัฐฯ ประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เดือนมิถุนายนขยายตัว 0.3% สูงกว่าคาดจากระดับ 0.2% (MoM) ในส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปขยายตัว 0.1% สูงกว่าคาดจากระดับ 0.0% (MoM) ขณะที่จำนวนผู้ขอยื่นรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 209,000 คน ต่ำกว่าคาดจากระดับ 220,000 คน

 

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นเหนือ 2.100%หลังตัวเลขอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวดีกว่าคาด สร้างแรงกดดันให้เกิดแรงเทขายในตราสารหนี้ระยะยาว ส่งผลให้พันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี อัตราผลตอบแทนปรับตัวขึ้นยืนเหนือ 2.100% หรือปรับตัวขั้นมากกว่า 3% จากวันก่อน ซึ่งบ่งชี้ถึงความคาดหวังของนักลงทุน ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed แต่ยังมีความกังวลอยู่ว่าตัวเลขอาจปรับลดน้อยกว่าที่ตลาดคาดหวังไว้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ควรต้องจับตาอย่างใกล้ชิดในเดือนนี้

 

  • หุ้นสหรัฐฯ ทำนิวไฮ ขานรับนโยบายการเงินผ่อนคลายที่ชัดเจนมากขึ้น และได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ละทิ้งข้อเสนอควบคุมราคายา

 

ยุโรป

  • STOXX600 ปิดที่ 383.80 ลดลง 0.96 (-0.25%)
  • DAX ปิดที่ 12,332.12 ลดลง 41.29 (-0.33%)
  • FTSE 100 ปิดที่ 7,509.82 ลดลง 20.87 (-0.28%)
  • FTSE MIB ปิดที่ 22,169.42 เพิ่มขึ้น 124.46 (+0.56%)

 

เอเชีย

  • S&P/ASX 200 ปิดที่ 6,716.10 เพิ่มขึ้น 26.30 (+0.39%)
  • KOSPI ปิดที่ 2,080.58 เพิ่มขึ้น 21.80 (+1.06%)
  • Shanghai ปิดที่ 2,917.76 เพิ่มขึ้น 2.46 (+0.08%)
  • Hang Seng ปิดที่ 28,431.80 เพิ่มขึ้น 227.11 (+0.81%)
  • BSE Sensex ปิดที่ 39,513.39 ลดลง 394.67 (-0.99%)
  • Nikkei ปิดที่ 21,643.42 เพิ่มขึ้น 109.94 (+0.51%)
  • SET ปิดที่ 1,740.45 เพิ่มขึ้น 1.02 (+0.06%)

 

อเมริกา

  • DOW30 ปิดที่ 27,088.08 จุด พุ่งขึ้น 227.88 (+0.85%)
  • S&P500 ปิดที่ 2,999.91 จุด เพิ่มขึ้น 6.84 (+0.23%)
  • NASDAQ ปิดที่ 8,196.04 จุด ลดลง 6.49 (+0.08%) 

 

Commodities

  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 23 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 60.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือน ก.ย. ลดลง 49 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 66.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 5.80 ดอลลาร์ หรือ 0.41% ปิดที่ 1,406.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

finnomena in partnership

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

  • Infoquest
  • Bloomberg
  • Investing
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising