×

ทรัมป์ยัน ไม่เห็นด้วยกับการลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน, ธนาคารพาณิชย์ไทยเดินหน้าลดดอกเบี้ยรับนโยบาย กนง.: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (11 พ.ย. 2562)

โดย FINNOMENA
11.11.2019
  • LOADING...
FINNOMENA
  • อินเดียนำเข้าทองหด กดดันราคาทองคำในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อินเดียถือเป็นประเทศที่บริโภคทองคำแท่งและทองรูปพรรณคิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของความต้องการทองคำทั่วโลก แต่การนำเข้าทองคำของอินเดียในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาลดลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี แม้ส่วนหนึ่งจะเป็นผลระยะสั้นจากที่ราคาทองคำในอินเดียปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินรูปีที่อ่อนค่าลง ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงมากกว่า 30,000 รูปีต่อ 10 กรัม โดยปัจจัยระยะยาวที่บั่นทอนอุปสงค์ดังกล่าวคือมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร อัตราการเกิดของประชากรในชนบทมีการชะลอตัวลง ส่งผลให้อัตราการสะสมทองคำของอินเดียลดลง จากที่ประชากรในชนบทมักออมหรือลงทุนด้วยการสะสมทองคำและซื้อทองคำในเทศกาลต่างๆ เหมือนแต่ก่อน ขณะเดียวกันการเข้าถึงของธนาคารส่งผลให้ประชากรในชนบทมีทางเลือกอื่นในการออมและลงทุน โดยธนาคารกลางแห่งอินเดียกำหนดให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 6.4% ต่อปี ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3.99% ซึ่งให้ผลตอบแทนที่มั่นคงกว่าการเก็งกำไรจากทอง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการบริโภคทองคำของอินเดียอาจจะกลับมาแกร่งอีกครั้งในช่วงปลายปี เนื่องจากเป็นช่วงที่ประชากรอินเดียนิยมแต่งงาน และใช้ทองคำในช่วงดังกล่าว

 

  • จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ สหราชอาณาจักรเตรียมประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3/19 (เบื้องต้น) ซึ่งคาดว่าจะขยายตัว 0.4% (QoQ) ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 0.2% (QoQ) และขยายตัว 1.1% (YoY) ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัว 1.3% (YoY) ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนกรณี Brexit และสงครามการค้าที่ยังกดดันอุปสงค์ทั่วโลก ขณะที่เยอรมนีก็มีกำหนดประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3/19 (เบื้องต้น) ซึ่งคาดว่าจะหดตัว 0.1% (QoQ) โดยทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า เหตุธุรกิจการส่งออกยานยนต์และสินค้าอุตสาหกรรมยังไม่ฟื้นตัว นอกจากนี้ญี่ปุ่นก็เตรียมประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3/19 (เบื้องต้น) ซึ่งคาดว่าจะขยายตัว 0.2% (QoQ) ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัว 0.4% ขณะที่จีนจะประกาศตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีน (China Industrial Production) ซึ่งคาดว่าจะขยายตัว 5.4% (YoY) ลดลงจากครั้งก่อนหน้าที่ 5.8% เหตุกรณีสงครามการค้ากดดันอุปสงค์ทั่วโลกและการอ่อนค่าของสกุลเงินหยวน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเยอรมนีจากสถาบัน ZEW ประจำเดือนพฤศจิกายน ถูกคาดว่าจะประกาศออกมาที่ -13.0 จุด ฟื้นตัวจากครั้งก่อนหน้าที่ -22.8 จุด สะท้อนความเชื่อมั่นที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ดัชนีดังกล่าวยังคงอยู่ในแดนลบ 18 จาก 19 เดือนล่าสุด

 

  • ธนาคารไทยเดินหน้าลดดอกเบี้ยรับนโยบาย กนง. หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เหลือ 1.25% เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ไทยก็ได้ทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อตอบสนองท่าทีดังกล่าว แบ่งเป็น

 

    1. ธนาคารไทยพาณิชย์ ลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง MRR ลง 0.25% สู่ระดับ 6.87% ต่อปี
    2. ธนาคารออมสิน ลดอัตราดอกเบี้ยทุกชนิดลง 0.125% ทำให้ MRR ลดลงมาอยู่ที่ 6.745% ต่อปี
    3. ธนาคารกรุงเทพ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง MLR ลง 0.25% สู่ระดับ 6.00% ต่อปี
    4. ธนาคารกสิกรไทย ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ส่งผลให้ MLR เหลือ 6.00% ต่อปี
    5. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate สำหรับลูกค้าทั่วไปเหลือ 6.00% ต่อปี
    6. ธนาคารกรุงไทย ลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง MLR ลง 0.25% ส่งผลให้ MLR เหลือ 6.025% ต่อปี พร้อมทั้งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับลูกค้านิติบุคคลลงเฉลี่ย 0.07-0.25% โดยยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากลูกค้าบุคคลธรรมดาแต่อย่างใด

 

  • โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความเห็นว่าไม่เห็นด้วยต่อการยกเลิกการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ถึงแม้ว่าจีนต้องการให้เขาดำเนินการดังกล่าวก็ตาม เช่นเดียวกับ ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษานโยบายการค้าสหรัฐฯ ซึ่งกล่าวว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังไม่ได้ไปไกลถึงขั้นที่จีนได้แถลงออกมา ซึ่งการประกาศของจีนเป็นแท็กติกที่ต้องการกดดันทำเนียบขาวให้ยอมรับเงื่อนไขการทยอยยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้า หลังกระทรวงพาณิชย์จีนแถลงว่าสหรัฐฯ และจีนได้ตกลงกันที่จะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าของแต่ละฝ่าย

 

  • พรรคขวาจัดสเปนมาแรง ขึ้นอันดับ 3 การเลือกตั้งใหญ่ วานนี้สเปนมีการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 4 ปี จากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงไร้เสถียรภาพ หลังพรรคโซเชียลลิสต์เวิร์กเกอร์ของ เปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้ ซึ่งผลปรากฏว่าพรรคโซเชียลลิสต์เวิร์กเกอร์ยังคงคว้าที่นั่งในสภาได้มากที่สุด 120 ที่นั่ง คิดเป็น 28% ลดลง 3 ที่นั่ง ตามมาด้วยอันดับ 2 พรรคพีเพิล ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามา 88 ที่นั่ง คิดเป็น 20.8% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้น 22 ที่นั่ง และตามมาด้วยพรรคว็อกซ์ในอันดับ 3 ซึ่งเป็นพรรคขวาจัด ด้วยที่นั่งในสภา 52 ที่นั่ง คิดเป็น 15.1% เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนหน้าถึง 28 ที่นั่ง ซึ่งจะส่งผลให้พรรครัฐบาลจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างไม่มีเสถียรภาพต่อไป

 

ภาวะตลาดวันศุกร์

  • แม้ว่าจะมีข่าวร้ายจากทรัมป์ที่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกภาษีนำเข้าจากจีน แต่ดัชนี Dow Jones, S&P 500 และ Nasdaq ยังทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง นำโดยหุ้น Walt Disney ซึ่งพุ่งขึ้น 3.56% ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยจากที่บวกติดต่อกัน 5 วัน หลังผลประกอบการที่ออกมาแย่กว่าคาด และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่เริ่มชะลอตัว

 

  • ตลาดน้ำมันปิดบวกจากแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ที่ลดลง ทำให้อุปทานลดลง แต่ความต้องการใช้น้ำมันยังเท่าเดิม ด้านตลาดทองคำปิดลบอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน แต่นักลงทุนเริ่มคลายกังวลบ้างแล้ว รวมไปถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งขึ้น

 

สหรัฐฯ

  • Dow 30 ปิดที่ 27681.24 เพิ่มขึ้น 6.44 (+0.02%)
  • S&P 500 ปิดที่ 3093.08 เพิ่มขึ้น 7.9 (+0.26%)
  • Nasdaq ปิดที่ 8475.31 เพิ่มขึ้น 40.8 (+0.48%)

 

ยุโรป

  • DAX ปิดที่ 13228.56 ลดลง 60.9 (-0.46%)
  • FTSE 100 ปิดที่ 7359.38 ลดลง 47.03 (-0.63%)
  • Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3699.65 ลดลง 7.03 (-0.19%)
  • FTSE MIB ปิดที่ 23534.49 เพิ่มขึ้น 31.46 (+0.13%)

 

เอเชีย

  • Nikkei 225 ปิดที่ 23391.87 เพิ่มขึ้น 61.55 (+0.26%)
  • S&P/ASX 200 ปิดที่ 6724.1 ลดลง 2.5 (-0.04%)
  • Shanghai ปิดที่ 2964.18 ลดลง 14.53 (-0.49%)
  • SZSE Component ปิดที่ 9895.34 ลดลง 22.15 (-0.22%)
  • China A50 ปิดที่ 14219.66 ลดลง 69.64 (-0.49%)
  • Hang Seng ปิดที่ 27651.14 ลดลง 196.09 (-0.7%)
  • Taiwan Weighted ปิดที่ 11579.54 ลดลง 27.02 (-0.23%)
  • SET ปิดที่ 1637.85 ลดลง 3.03 (-0.18%)
  • KOSPI ปิดที่ 2137.23 ลดลง 7.06 (-0.33%)
  • IDX Composite ปิดที่ 6177.99 เพิ่มขึ้น 12.36 (+0.2%)
  • BSE Sensex ปิดที่ 40323.61 ลดลง 330.13 (-0.81%)
  • PSEi Composite ปิดที่ 8065.76 ลดลง 8.05 (-0.1%)

 

Commodity

  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 57.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.29 (+0.51%)
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดที่ 62.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.32 (+0.51%)
  • ราคาทองคำปิดที่ 1459.6 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 6.8 (-0.46%)

FINNOMENA

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง: 

  • Infoquest
  • Bloomberg
  • Investing
  • CNBC
  • Reuters
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising