- คณะกรรมาธิการยุโรปเลื่อนการพิจารณาใช้มาตรการ Excessive Deficit Procedure (EDP) ซึ่งเป็นมาตรการที่ประเทศที่ประสบปัญหาจะต้องปฏิบัติตามข้อเสนอแนะที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อแก้ไขการขาดดุลการคลังที่มากเกินไป หลังรัฐบาลอิตาลีเตรียมยื่นร่างงบประมาณปี 2020 และ 2021 ซึ่งผิดข้อตกลงกับสหภาพยุโรป ที่ห้ามขาดดุลงบประมาณมากกว่า 3% ของ GDP และหนี้สาธารณะมิให้เกิน 60% ของ GDP ขณะที่ในร่างงบประมาณปัจจุบัน อิตาลีตั้งเป้าขาดดุลการคลัง 2.9% และ 3.1% ในปี 2020 และ 20201 ตามลำดับ ส่วนรายงานหนี้สาธารณะล่าสุดอยู่ที่ 132.2% ของ GDP สูงกว่าเกณฑ์ของสหภาพยุโรปทั้งคู่ ส่งผลให้สหภาพยุโรปอาจพิจารณาปรับเป็นมูลค่ากว่า 3,000 ล้านยูโร เนื่องจากละเมิดระเบียบทางการคลังข้างต้น โดยนอกจากคณะกรรมาธิการยุโรปจะเลื่อนพิจารณาการใช้มาตรการ EDP แล้ว ยังให้ประเทศสมาชิกต้องรายงานความคืบหน้าทุกเดือนด้วย ประเทศไม่ปฏิบัติตามอาจได้รับบทลงโทษ รวมถึงการถูกปฏิเสธการกู้เงินจากสหภาพยุโรป
- คืนนี้ตามเวลาประเทศไทย สหรัฐฯ มีกำหนดการจะประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CB Consumer Confidence) ประจำเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจประเทศ โดยก่อนหน้านี้ดัชนีดังกล่าวมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2012 ก่อนจะผันผวนเล็กน้อยในช่วงต้นปี 2019 เนื่องจากความไม่แน่นอนกรณีสงครามการค้าและภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความกังวลมากขึ้นตามลำดับ เบื้องต้นนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ประกาศออกมาจะลดลงเล็กน้อยจากครั้งก่อนหน้าที่ 134.1 จุด เหลือ 132.0 จุด เนื่องจากการสำรวจถูกจัดทำขึ้นในช่วงที่สงครามการค้ายังมีความไม่แน่นอนสูง
- ทีมงานสหรัฐฯ-จีนเจรจากันอีกครั้ง หลังจากที่ความตึงเครียดทางการค้ากลับมาคุกรุ่นเป็นเวลากว่า 6 เดือน ก่อนที่จะเบาบางลงเมื่อ 2 สัปดาห์ล่าสุด จากการยืนยันของ โดนัลด์ ทรัมป์ และ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของทั้ง 2 ประเทศ ว่าจะเข้าร่วมการประชุม G20 และยืนยันว่า จะมีการพบปะกันนอกรอบ เพื่อหารือข้อตกลงทางการค้าต่อไป โดยล่าสุด สำนักข่าว CNBC รายงานว่า หลิวเหอ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและหัวหน้าทีมเจรจาการค้า ได้ติดต่อกับ สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผ่านทางโทรศัพท์อีกครั้งแล้ว และได้แลกเปลี่ยนความเห็นว่า ทั้งสหรัฐฯ และจีนควรจะต้องติดต่อกันต่อ เพื่อแก้ปัญหาการค้าที่ไม่ลงรอยกัน นับเป็นสัญญาณที่ดีต่อการเจรจาการค้าที่กำลังจะมาถึงในช่วงวันที่ 28-29 มิถุนายนนี้
- FedEx ยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ดำเนินการฟ้องกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังมาตรการกีดกันทางการค้าต่อหัวเว่ยรุนแรงขึ้น จนส่งผลให้ FedEx ต้องจัดส่งพัสดุหลายล้านรายการต่อวันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ เพื่อความแน่ใจว่าจะไม่มีการลักลอบส่งออกเทคโนโลยีหรือวัสดุต้องห้ามใดๆ ไปสู่หัวเว่ยตามการขึ้นบัญชี Entity List ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในทางโลจิสติกส์และทางกฎหมาย โดยส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ระบุว่า FedEx เป็นบริษัทขนส่ง มิใช่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของรัฐ อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์ยังปฏิเสธให้คำตอบเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว นอกจากนี้ ช่วงคืนที่ผ่านมา หุ้น FedEx ยังปรับตัวลง 2.7% จากกรณีส่งพัสดุ 2 ชิ้น ผิดพลาด ที่จ่าหน้าถึงบริษัทหัวเว่ยในเอเชียไปยังสหรัฐฯ ทำให้หน่วยงานภาครัฐของจีนได้ยื่นคำร้องเพื่อตรวจสอบ FedEx ในข้อหาละเมิดสิทธิตามกฎหมายและผลประโยชน์ของลูกค้าชาวจีน
- Google ยืนยัน Toronto Smart City รักษาความเป็นส่วนตัว หลังความร่วมมือระหว่างทางการแคนาดาและบริษัท Alphabet (Google) ในการสร้าง Smart City มีระบบการจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดในเมือง เพื่อนำมาใช้ในการบริหารและจัดการการใช้พลังงานให้คุ้มค่า เช่น การใช้เซนเซอร์เพื่อเก็บข้อมูลตัดสินใจเปิด-ปิดไฟถนน หรือสัญญาณจราจรได้อย่างเหมาะสม เพื่อลดการจราจรติดขัด แต่ในขณะเดียวกันระบบนี้ก็อาจสร้างความกังวลให้ประชาชน เนื่องจากข้อมูลจำนวนมากถูกจัดเก็บเอาไว้ทั้งหมด โดย Google อาจถูกนำไปใช้เพื่อหาผลประโยชน์อื่นๆ ส่งผลให้ Google ต้องออกมาแถลงการณ์ยืนยันว่า จะไม่มีการขายข้อมูลเหล่านั้นให้บริษัทภายนอก หรือ เพื่อการโฆษณาแต่อย่างใด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
สภาวะตลาดวานนี้
- นับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณถึงการลดดอกเบี้ย ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมา 80 ดอลลาร์สหรัฐ การปรับขึ้นมาครั้งนี้มาพร้อมกับปริมาณการเข้าซื้อจากกลุ่มกองทุน ETF อาทิ SPDR Gold Trust ที่เข้าซื้อทองคำแท่งเมื่อวันศุกร์ในปริมาณมากถึง 32 ตัน
- เยอรมนีเผยตัวเลขดัชนีบรรยากาศโดยรวมทางธุรกิจจากสถาบัน IFO เดือนมิถุนายน เป็นไปตามคาดที่ระดับ 97.4 แต่ยังอยู่ในแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องนับตั้งแต่ปลายปี 2017 แม้ตัวเลข PMI ภาคการผลิตจะเริ่มฟื้นตัว แต่ความมั่นใจของภาคธุรกิจยังไม่ฟื้น
- อิหร่านส่งสัญญาณพร้อมเจรจากับสหรัฐฯ ต่อเมื่อยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน และมีการยื่นข้อเสนอใหม่นอกเหนือจากข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) ทั้งนี้ อิหร่านไม่ต้องการเพิ่มความตึงเครียดที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ โดยสหรัฐฯ ยังคงย้ำ พร้อมเจรจาก็ต่อเมื่ออิหร่านทำข้อตกลงที่สหรัฐฯ เรียกร้อง ก่อนจะให้สหรัฐฯ ยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน
ยุโรป
- STOXX600 ปิดที่ 383.80 ลดลง 0.96 (-0.25%)
- DAX ปิดที่ 12,274.57 ลดลง 65.35 (-0.53%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7,416.69 เพิ่มขึ้น 9.19 (+0.12%)
- FTSE MIB ปิดที่ 21,284.10 ลดลง 104.53 (-0.49%)
เอเชีย
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6,665.40 เพิ่มขึ้น 14.60 (+0.22%)
- KOSPI ปิดที่ 2,126.33 เพิ่มขึ้น 0.71 (+0.03%)
- Shanghai ปิดที่ 3,001.98 เพิ่มขึ้น 14.86 (+0.50%)
- Hang Seng ปิดที่ 28,513.00 เพิ่มขึ้น 39.29 (+0.14%)
- BSE Sensex ปิดที่ 39,122.96 ลดลง 71.53 (-0.18%)
- Nikkei ปิดที่ 21,285.99 เพิ่มขึ้น 27.35 (+0.13%)
- SET ปิดที่ 1,716.00 ลดลง 1.14 (-0.07%)
อเมริกา
- DOW30 ปิดที่ 26,727.54 จุด เพิ่มขึ้น 8.41 (+0.03%)
- S&P500 ปิดที่ 2,945.35 จุด ลดลง 5.11 (-0.17%)
- NAQDAQ ปิดที่ 8,005.70 จุด ลดลง 26.01 (-0.32%)
Commodities
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนสิงหาคม ปิดที่ 57.90 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ (+0.8%)
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนสิงหาคม ปิดที่ 64.86 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 34 เซนต์ (-0.5%)
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนสิงหาคม ปิดที่ 1,418.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 18.10 ดอลลาร์ หรือ (+1.3%)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
