×

Microsoft เดินหน้าเจรจาซื้อ TikTok หลังทรัมป์เตรียมแบนในสหรัฐฯ, สีจิ้นผิงพร้อมร่วมมือทั่วโลกผ่าน AIIB: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (3 ส.ค. 2563)

โดย FINNOMENA
03.08.2020
  • LOADING...
  • จับตาตัวเลขเศรษฐกิจ โดยวันนี้จีนมีกำหนดประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมจากสถาบันไฉซิน (Caixin Manufacturing PMI) ซึ่งคาดว่าจะประกาศออกมาที่ 51.3 จุด ขยายตัวขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ 51.2 จุด ซึ่งการยืนอยู่เหนือ 50.0 จุด แสดงถึงภาวะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมจากสถาบัน ISM (ISM Manufacturing PMI) ซึ่งอยู่ที่ 53.6 จุด ขยายตัวขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.6 จุด ส่วนเยอรมนีมีกำหนดประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมจากสถาบัน Markit (Manufacturing PMI) โดยคาดว่าจะประกาศอยู่ที่ 50.0 จุด ซึ่งกลับมาสู่ระดับขยายตัวได้อีกครั้ง หลังอยู่ในแดนหดตัว 4 เดือนต่อเนื่อง

 

  • หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเตรียมแบนแอปพลิเคชันสัญชาติจีนชื่อดัง TikTok เนื่องจากกังวลปัญหาด้านความมั่นคงและข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลนั้น ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ หลายบริษัท ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Microsoft ได้เดินหน้าเจรจากับ Bytedance บริษัทเจ้าของ TikTok เพื่อขอซื้อกิจการ โดยระบุว่าจะเป็นผลดีทั้งคู่ เนื่องจากจะทำให้ Microsoft ได้เข้าสู่วงการโซเชียลมีเดีย ขณะที่ Bytedance สามารถขจัดปัญหาการถูกแบนลงได้

 

  • สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แถลงในการประชุมธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank: AIIB) ระบุว่า AIIB พร้อมที่จะเชื่อมต่อภายในเอเชียทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้างให้มากขึ้น เพื่อรองรับพัฒนาการที่สำคัญจากประเทศสมาชิกทั้งหมดที่มีกว่า 102 ประเทศทั่วโลก ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง และการลงทุนที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้นสำหรับโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด ซึ่งจะช่วยปูทางไปสู่ความสำเร็จในอนาคตได้ พร้อมทั้งระบุว่า AIIB เปิดกว้างสำหรับความร่วมมือทุกรูปแบบ เพื่อประสานประโยชน์ระหว่างกันมากขึ้น 

 

  • เช้าวันนี้เกาหลีใต้ ไต้หวัน และญี่ปุ่น รายงานดัชนี Manufacturing PMI ประจำเดือนกรกฎาคมออกมาที่ 46.9 จุด 50.6 จุด และ 45.2 จุด ตามลำดับ ฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 43.4 จุด 46.20 จุด และ 40.1 จุด ตามลำดับ โดยทั้ง 3 ประเทศนั้นพึ่งพาการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม และอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก เมื่อแนวโน้มของสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีชะลอตัวลงน้อยกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ส่งผลให้อุตสาหกรรมของทั้ง 3 ประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัว

 

  • มาร์ค มีโดว์ส หัวหน้าคณะทำงานของทำเนียบขาว เปิดเผยว่า มาตรการเยียวยาเศรษฐกิจฉบับใหม่อาจยังไม่สามารถบรรลุข้อสรุปได้เร็วๆ นี้ เนื่องจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันยังไม่สามารถตกลงรายละเอียดความช่วยเหลือได้ แม้จำนวนเงินที่ทั้งสองพรรคจะเสนอให้เยียวยาชาวอเมริกันจะตรงกันที่ 1,200 ดอลลาร์ก็ตาม โดยในรายละเอียดพรรครีพับลิกันระบุว่า เตรียมปรับลดเงินช่วยเหลือของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ สำหรับผู้ตกงานลงเหลือ 200 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ไปจนถึงเดือนกันยายนนี้ ขณะที่พรรคเดโมแครตต้องการให้จ่ายเงินช่วยเหลือคนว่างงานที่ระดับเดิม 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ไปจนถึงเดือนมกราคมปีหน้า อย่างไรก็ตาม สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ว่า มีความเชื่อมั่นว่าการดำเนินการเบิกจ่ายในครั้งนี้จะเร็วกว่าครั้งก่อนหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 2 สัปดาห์

 

ภาวะตลาดวันศุกร์ที่ผ่านมา

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นจากผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 2 ที่ออกมาแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนของนักลงทุนที่เข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจากผลประกอบการที่ดีกว่าคาด เช่น Apple พุ่ง 10.47% และ Facebook พุ่ง 8.17% เป็นต้น สวนทางกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงจากตัวเลข GDP ที่ออกมาแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ บ่งชี้ถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนหน้านี้อาจไม่เพียงพอ และแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในยุโรปยังไม่สู้ดีนัก 

.

  • สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังได้รับรายงานจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการขุดเจาะน้ำมันว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ลดลง 1 แท่น ส่งผลต่ออุปทานที่ลดลง ซึ่งมีผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นจากแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่ฟื้นตัว และจำนวนผู้ติดโควิด-19 ยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากแรงกดดันดังกล่าว

 

สหรัฐฯ

  • Dow Jones อยู่ที่ 26428.32 เพิ่มขึ้น 114.67 (0.44%)
  • S&P 500 อยู่ที่ 3271.12 เพิ่มขึ้น 24.9 (0.77%)
  • Nasdaq อยู่ที่ 10745.28 เพิ่มขึ้น 157.46 (1.49%)

 

ยุโรป

  • DAX อยู่ที่ 12313.36 ลดลง -66.29 (-0.54%)
  • FTSE 100 อยู่ที่ 5897.76 ลดลง -92.23 (-1.54%)
  • Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3174.32 ลดลง -33.88 (-1.06%)
  • FTSE MIB อยู่ที่ 19091.93 ลดลง -136.54 (-0.71%)

 

เอเชีย

  • Nikkei 225 อยู่ที่ 21710 ลดลง -629.23 (-2.82%)
  • S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5927.8 ลดลง -123.3 (-2.04%)
  • Shanghai อยู่ที่ 3310.01 เพิ่มขึ้น 23.18 (0.71%)
  • SZSE Component อยู่ที่ 13637.88 เพิ่มขึ้น 171.03 (1.27%)
  • China A50 อยู่ที่ 15281.36 เพิ่มขึ้น 78.72 (0.52%)
  • Hang Seng อยู่ที่ 24595.35 ลดลง -115.24 (-0.47%)
  • Taiwan Weighted อยู่ที่ 12664.8 ลดลง -58.12 (-0.46%)
  • SET อยู่ที่ 1328.53 เพิ่มขึ้น 12.79 (0.97%)
  • KOSPI อยู่ที่ 2249.37 ลดลง -17.64 (-0.78%)
  • IDX Composite อยู่ที่ 5149.63 เพิ่มขึ้น 38.51 (0.75%)
  • BSE Sensex อยู่ที่ 37606.89 ลดลง -129.18 (-0.34%)
  • PSEi Composite อยู่ที่ 5928.45 ลดลง -37.82 (-0.63%)

 

Commodity

  • ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 40.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.35 (0.88%)
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 43.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.36 (0.84%)
  • ราคาทองคำ อยู่ที่ 1975.9 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 15.4 (0.79%)

 

 

อ้างอิง: 

  • Infoquest
  • Bloomberg
  • Investing
  • CNBC
  • Reuters
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising