ฟุตบอลโลก 2018 วันเสาร์ที่ 16 มิ.ย. มีให้ชมกันมากถึง 4 แมตช์ (นับรวมคู่เช้ามืดวันอาทิตย์) เรียกว่าแทบไม่มีเวลาให้แฟนบอลได้หยุดพักหายใจหายคอเลยทีเดียว
เริ่มตั้งแต่คู่แรก 17.00 น. ทีมชาติฝรั่งเศสจะลงสนามพบกับออสเตรเลียในกลุ่ม C ถ่ายทอดสดทางช่อง ททบ. 5 โดยขุนพลทัพ ‘เลอ เบลอส์’ มีสถิติที่แย่พอสมควร เสมอไปถึง 2 และแพ้ 1 จาก 4 แมตช์นัดเปิดสนามฟุตบอลโลก 4 ครั้งหลังสุด ส่วนออสเตรเลียก็ใช้ย่อย เพราะชนะได้แค่ 2 เกมจาก 13 นัดในทัวร์นาเมนต์นี้
คู่หัวค่ำ 20.00 อาร์เจนตินาจะลงทำศึกกับไอซ์แลนด์ 1 ใน 2 ทีมน้องใหม่ประจำศึกฟุตบอลโลกปีนี้ ถ่ายทอดสดทางช่อง True4U ซึ่งเราจะมาพูดถึงรายละเอียดเต็มๆ ของแมตช์แรกในกลุ่ม D กันอีกทีในภายหลัง
ถัดมาเป็นการพบกันของเปรู เดนมาร์ก ทีมร่วมกลุ่ม C ในเวลา 23.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่องอมรินทร์ทีวี ถือเป็นการโคจรมาพบกันครั้งแรกของตัวแทนจากอเมริกาใต้ที่ห่างหายจากทัวร์นาเมนต์นี้ไปถึง 36 ปีเต็ม (ฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดที่ได้เล่นคือปี 1982) ด้าน ‘ทัพโคนม’ มีสถิติที่น่าจะพอชื้นใจได้ไม่มากก็น้อยเพราะ 4 ครั้งหลังสุดในฟุตบอลโลกสามารถทะลุเข้าไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ถึง 3 ครั้ง
คู่ดึกสุดเป็นคิวของ 2 ทีมร่วมกลุ่ม D ตราหมากรุก ‘โครเอเชีย’ และทีมที่ขึ้นชื่อว่ามีชุดเยือนสวยและขายดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้อย่าง ‘ไนจีเรีย’ ลงเล่นในเวลา 2.00 น. (เช้าวันอาทิตย์) ถ่ายทอดสด True4U โดยจะเป็นการพบกันครั้งแรกของทั้ง 2 ทีม โจทย์ใหญ่ของโครเอเชียยังควานหาชัยชนะนัดเปิดสนามในฟุตบอลโลก 3 ครั้งหลังสุดของตัวเองไม่ได้เลย
แชมป์ 2 สมัยจะกำราบเลือดนักสู้ของไอซ์แลนด์ได้หรือไม่
นอกจากจะเป็นการลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งแรกของไอซ์แลนด์ แมตช์ในนัดนี้ยังนับเป็นการพบกันครั้งแรกของทั้งคู่อีกด้วย
สำหรับอาร์เจนตินา ปัจจุบันอยู่ในลำดับที่ 5 ของฟีฟ่า แรงกิ้ง นำทัพมาโดยสตาร์ดังล้นทีม ไม่ว่าจะเป็น ลิโอเนล เมสซี, อเกวโร กุน, เปาโล ดิบาลา พร้อมความท้าทายใหญ่ไม่ต่างจากโปรตุเกสและคริสเตียโน โรนัลโด เนื่องจากฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจจะเป็นฟุตบอลโลกปีสุดท้ายของ ‘เมสซี’ ที่อายุปัจจุบันก็ใกล้จะแตะหลัก 31 ปีแล้ว
ประกอบกับพักหลังๆ นับตั้งแต่ที่อกหักจากการแพ้เยอรมนีในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2014 ไปอย่างชอกช้ำ เจ้าตัวก็เปรยอยู่บ่อยๆ ว่าอยากอำลาทีมชาติเต็มทน
ความพร้อมล่าสุดของขุนพลฟ้าขาว ฮอร์เก ซามเปาลี โค้ชทีมชาติได้ออกมาเปรยเป็นนัยว่าจะเลือกอเกวโรลงประสานงานเกมรุกคู่กับเมสซีก่อน ‘กอนซาโล อิกวาอีน’
เกมในแดนกลางซามเปาลีจะเลือกใช้ฮาเวียร์ มาสเคราโน และลูคัส บิเกลีย ยืนปักหลั่นคู่กันโดยให้เหตุผลว่าเป็น 2 ผู้เล่นมากประสบการณ์ที่มีทักษาะการจ่ายบอลดี ส่วนเกมรับ วิลลี กาบาเยโร จะได้รับโอกาสลงเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่ง ผนึกกำลังร่วมกับ นิโคลัส โอตาเมนดี และ มาร์คอส โรโฮ
“ผมคิดว่านี่คือทีมที่เหมาะสมในการเริ่มทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก แต่เราอาจจะเปลี่ยนแปลงในภายหลังก็ได้”
พร้อมกันนี้ซามเปาลียังบอกอีกด้วยว่าพวกเขาจะไม่ประมาทคู่แข่งอย่างไอซ์แลนด์เด็ดขาด เนื่องจากเป็นทีมที่มีทีเด็ดทีขาดและดุดันในจังหวะสวนกลับมาก
“เราฝึกกันเป็นอย่างหนักเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะต่อกรกับลูกกลางอากาศ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของพวกเขา ผมมั่นใจว่ามันจะต้องเป็นเกมที่ยาก เพราะพวกเขาจะเน้นเกมที่รัดกุม และอาศัยจังหวะการสวนกลับ แต่พวกเราก็เตรียมการรับมือมาเป็นเวลานานแล้ว”
ทีมรองที่สู้ด้วย ‘ใจ’ และพร้อมจะถวายหัวเต็ม 100%
ขณะที่ไอซ์แลนด์ของโค้ช ไฮเมียร์ ฮัลล์กริมส์สัน ปัจจุบันอยู่ในลำดับที่ 22 ของฟีฟ่า แรงกิ้ง และทำผลงานมาได้ดีต่อเนื่องนับตั้งแต่ยูโร 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งทะลุไปได้ไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย
มาในครั้งนี้ การต้องดวลกับแชมป์โลก 2 สมัยตั้งแต่นัดแรกของทัวร์นาเมนต์ คือบททดสอบที่ยากลำบากและถือเป็นของจริงสำหรับทีมฟุตบอลที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากประเทศที่มีประชากรเพียง 330,000 คน (เป็นชาติที่เล็กที่สุดในฟุตบอลโลกปีนี้)
ไฮเมียร์ ฮัลล์กริมส์สัน ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อมวลชนว่า แมตช์การแข่งขันในนัดนี้จะเป็นแมตช์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลของไอซ์แลนด์
“ทีมของเราค่อนข้างมั่นคงเป็นอย่างมากในตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เราอยู่ในอันดับที่ 20 ของฟีฟ่า แรงกิ้ง เราชนะฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนยุโรปมาแล้ว และก็คู่ควรจะได้มายืน ณ ที่แห่งนี้ ผมไม่เชื่อหรอกนะว่านี่คือปาฏิหาริย์
“เราเล่นฟุตบอลด้วยสไตล์ที่ต่างออกไป แต่เราก็ได้แสดงให้ใครหลายคนเห็นแล้วว่าถ้าคุณรวมกันเป็นหนึ่ง อะไรก็เกิดขึ้นได้”
ฮัลล์กริมส์สัน ยังกล่าวถึงเมสซีอีกด้วยว่าไอซ์แลนด์จะไม่สั่งใครคนใดคนหนึ่งประกบตายยอดดาวเตะแห่งยุคคนนี้เป็นพิเศษเด็ดขาด แต่ลูกทีมของตนจะทำทุกอย่างด้วยกันเป็นทีม
“ทุกๆ คนพยายามจะหยุดเขาทุกอย่าง และเขาก็พยายามจะยิงประตูให้ได้เสมอ แต่พวกเราจะทำทุกอย่างร่วมกันเป็นทีม มันคงจะไม่ยุติธรรมแน่นอนถ้าผมจะให้ใครไปประกบติดเมสซีเพียงลำพัง”
นายใหญ่ทัพไอซ์แลนด์วัย 51 ปียังกล่าวติดตลกอีกด้วยว่าจบทัวร์นาเมนต์นี้ไม่ว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับทีมชาติจะเป็นอย่างไร แต่ก็จะไม่มีสิ่งไหนมาหักล้างข้อเท็จจริงที่เขาเป็น ‘ทันตแพทย์’ ได้
จริงอย่างที่หมอฟันและผู้จัดการทีมคนนี้บอกไว้ ไม่ว่าไอซ์แลนด์จะสร้างปรากฏการณ์ล้มยักษ์อย่างอาร์เจนตินา หรือจะแพ้แบบหมดสภาพเละเทะ แต่สิ่งที่เราจะได้เห็นตลอดเกมการแข่งขันทั้ง 90 นาที คือข้อเท็จจริงที่ว่า นักฟุตบอลไอซ์แลนด์และแฟนบอลของพวกเขาจะไม่หันหลังให้กันและถอดใจกลางคันแน่นอน
แต่ที่แน่ๆ เราคงจะได้เห็นการนำเชียร์ด้วยท่าปรบมือ ‘Thunder Clap (Slow hand clap)’ ของทัพไอซ์แลนด์แน่นอน