ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) สาขาแอตแลนตา ระบุว่า ตนพร้อมชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้าแล้ว หากเศรษฐกิจเป็นไปตามที่ตนคาด โดยมองว่าการขึ้นดอกเบี้ยสู่กรอบ 4.75-5% ก็เพียงพอแล้ว นับเป็นระดับที่เข้มงวดน้อยกว่าเจ้าหน้าที่ Fed คนอื่นๆ
ราฟาเอล บอสติก (Raphael Bostic) ประธาน Fed สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า ตนสนับสนุนให้ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยควรปรับขึ้นอีกไม่เกิน 1% เพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะสามารถลงจอดได้อย่างนุ่มนวล (Soft Landing)
โดยกล่าวในการปราศรัยที่รัฐฟลอริดา เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (19 พฤศจิกายน) ว่า “หากเศรษฐกิจดำเนินไปตามที่คาด ผมเชื่อว่าการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75-1% ก็เพียงพอที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อในช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว และสมมติว่าเศรษฐกิจมีวิวัฒนาการตามที่ผมคาดหมายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ผมอาจจะรู้สึกสบายใจที่จะเลิกโหวตการขึ้นดอกเบี้ยในอัตรา 0.75% ในการประชุมครั้งหน้า”
ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ครั้งก่อนๆ เจ้าหน้าที่ Fed ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกัน 4 ครั้ง ทำให้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงปัจจุบันอยู่ในช่วง 3.75-4% โดยผู้กำหนดนโยบายหลายคนยังส่งสัญญาณว่าอาจพิจารณาปรับขึ้น 0.50% ในการประชุมช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ ขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไร
โดยมุมมองเป้าหมายดอกเบี้ยสูงสุด (Peak Rate) ของบอสติกที่ประมาณ 4.75-5% นับว่ามีความเข้มงวด หรือ Hawkish น้อยกว่าเจ้าหน้าที่ Fed คนอื่นๆ รวมถึง เจมส์ บูลลาร์ด (James Bullard) ประธาน Fed สาขาเซนต์หลุยส์ ซึ่งเรียกร้องให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปสู่กรอบ 5-5.25% เป็นอย่างน้อย พร้อมทั้งระบุว่า ช่วง 5-7% เป็นช่วงที่ตนแนะนำ
นอกจากนี้บอสติกยังแนะว่า เมื่อขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียงพอแล้ว Fed ควรระงับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปชั่วคราวสักระยะแทนที่จะกลับตัวลดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว เพื่อให้แน่ใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะไม่ฟื้นตัวในลักษณะที่คล้ายกับประสบการณ์ในช่วงปี 1970 พร้อมเรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบาย ‘มีจุดมุ่งหมายและเด็ดเดี่ยว’ จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ซีอีโอ JPMorgan เตือน เศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยภายใน 6-9 เดือน
- หุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาปิดบวกถึง 800 จุด จากที่ร่วงหนักกว่า 500 จุด หลังการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย.
- สหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ที่ 8.2% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ หุ้นสหรัฐฯ ดิ่งทันที!
อ้างอิง: