Fed คงอัตราดอกเบี้ยไว้ คาดการณ์การเติบโตชะลอตัว เงินเฟ้อ สูงขึ้น

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานไว้เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและเงินเฟ้อที่อาจยังคงสูง

Jerome Powell ประธาน Fed ยอมรับถึงความไม่แน่นอนที่สูงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่ของประธานาธิบดี Donald Trump แต่ย้ำว่าธนาคารกลางยังไม่รีบร้อนปรับอัตราดอกเบี้ย โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่สามารถรอให้เห็นผลกระทบของนโยบายเหล่านั้นต่อเศรษฐกิจก่อนตัดสินใจดำเนินการ

คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ลงมติเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (19 มีนาคม) ให้คงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานไว้ในช่วง 4.25-4.5% และประกาศชะลอการลดขนาดงบดุลลงเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการ Fed อย่าง Christopher Waller ซึ่งสนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ย มีความเห็นต่างเกี่ยวกับการปรับลดงบดุล

การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยมีขึ้นท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายที่ทะเยอทะยานและคาดเดาได้ยากของประธานาธิบดี Trump ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความสามารถของ Fed ในการรักษาเสถียรภาพ นโยบายภาษีศุลกากรที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของ Trump ได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้ผู้กำหนดนโยบายต้องเผชิญแรงกดดันจากหลายทิศทาง

Powell กล่าวว่า โดยพื้นฐานแล้วเขามองว่าการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อที่เกิดจากภาษีศุลกากรจะเป็นเพียงชั่วคราว แต่ยอมรับในภายหลังว่า การแยกแยะว่าเงินเฟ้อเกิดจากภาษีศุลกากรหรือปัจจัยอื่นๆ นั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก

จากประมาณการเศรษฐกิจฉบับใหม่แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ Fed ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ลง แต่ปรับเพิ่มประมาณการเงินเฟ้อ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังคงคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 0.5%ในปีนี้ ตาม median estimate บ่งชี้ว่า Fed มีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25%

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ 8 คนคาดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งหรือน้อยกว่านั้น สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของผู้กำหนดนโยบายที่จะควบคุมเงินเฟ้อต่อไป แม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะชะลอลงก็ตาม

เจ้าหน้าที่ปรับเพิ่ม Median Estimate ของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน ณ สิ้นปีนี้ จาก 2.5% เป็น 2.8% คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2025 ลดลงจาก 2.1% เหลือ 1.7% พวกเขาปรับเพิ่มประมาณการอัตราการว่างงานเป็น 4.4% ภายในสิ้นปีนี้ จาก 4.3% ที่คาดไว้ในเดือนธันวาคม

Fed ได้คงอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1% ในช่วงปลายปี 2024 และตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ได้ส่งสัญญาณที่จะเห็นความคืบหน้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ และมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายของ Trump ก่อนที่จะพิจารณาดำเนินการอื่นๆ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (19 มีนาคม) โดย S&P 500 ฟื้นตัวจากแรงเทขายตั้งแต่ปลายกุมภาพันธ์ ซึ่งเคยกดดันให้ดัชนีเข้าสู่ภาวะปรับฐานชั่วคราว ขานรับ Fed ยังคงคาดการณ์ปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2025

ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 383.32 จุด หรือ 0.92% ปิดตลาดที่ 41,964.63 จุด ขณะที่ S&P 500 พุ่งขึ้น 1.08% ปิดตลาดที่ 5,675.29 จุด และ Nasdaq Composite พุ่งขึ้น 1.41% ปิดตลาดที่ 17,750.79 จุด หุ้นขนาดใหญ่ เช่น NVIDIA Corp. และ Tesla Inc. เป็นผู้นำในการปรับตัวขึ้นในตลาด ส่วนหุ้น Boeing Co. พุ่งขึ้นหลังจากกล่าวว่ากระแสเงินไหลออก (Cash Outflows) น่าจะน้อยกว่าที่คาดการณ์ในไตรมาสนี้

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลง 4 Basis Points เหลือ 4.24% ค่าดอลลาร์ปรับลดลง 0.2% ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพุธ หลังจาก Fed ยังคงอัตราดอกเบี้ยตามที่คาดไว้ ราคาทองคำพุ่งขึ้น 0.5% สู่ระดับ 3,047.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 05.00 น. หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,051.99 ดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้านั้น

อ้างอิง: