×

เปิด ‘รายงานผลประชุม Fed’ ส่งสัญญาณชัด เดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ

05.01.2023
  • LOADING...
Fed

เป็นไปตามความคาดหวังของบรรดานักวิเคราะห์และนักลงทุนในตลาด สำหรับรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ประจำเดือนธันวาคม ซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา โดยเป็นการบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในปี 2023 

 

โดยผลการประชุมสรุปชัดว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะยังคงอยู่จนกว่าจะมีความคืบหน้าเกี่ยวกับเศรษฐกิจมากขึ้น พร้อมให้ความสำคัญกับการรักษานโยบายการเงินที่เข้มงวด ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงจนไม่สามารถยอมรับได้ 

 

แถลงสรุปรายงานการประชุมระบุว่า จากสถานการณ์โดยรวมแล้วต้องมีการรักษาจุดยืนของนโยบายการเงินที่เข้มงวด จนกว่าข้อมูลที่เข้ามาจะสร้างความมั่นใจได้ว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในเส้นทางที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจนถึง 2% ซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง อีกทั้งจากมุมมองของอัตราเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่องและไม่สามารถยอมรับได้ โดยผู้เข้าร่วมประชุมหลายคนให้ความเห็นว่า ประสบการณ์ในอดีตเตือนให้ระวังการผ่อนปรนนโยบายการเงินก่อนเวลาอันควร รวมถึงมุ่งโฟกัสไปที่สัญญาณความคืบหน้าทางเศรษฐกิจ และยังคงมีความจำเป็นในการรักษาความยืดหยุ่นของนโยบายการเงินของสหรัฐฯ เพื่อระวังความเสี่ยงจากนโยบายการเงินของ Fed ที่จะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจนอกเหนือจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ

 

รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งที่ระบุว่า รายงานการประชุมดังกล่าวจะบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยสร้างความกังวลสูงสุดของ Fed หลังจากที่ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ Fed ให้ความสำคัญ พุ่งแตะระดับ 5.5% ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งสูงกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับเป้าหมายเงินเฟ้อของ Fed ที่ระดับ 2% ทำให้ Fed ยังคงมีมุมมองคัดค้านการผ่อนคลายนโยบายการเงินว่าเวลานี้ยังเร็วเกินไป และจะให้ความสำคัญต่อแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

 

ทั้งนี้ ในปี 2022 Fed ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 7 ครั้ง โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้ง, 0.50% จำนวน 2 ครั้ง และ 0.75% จำนวน 4 ครั้ง ส่งผลให้ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4.25% โดยในการประชุมเดือนธันวาคม ล่าสุดคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี

 

ส่วนในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่ Fed คาดว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2023 และจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2024 โดย Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปีนี้ ก่อนที่จะสิ้นสุดวัฏจักรปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยระดับดังกล่าวเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2007

 

วันเดียวกันเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มมีสัญญาณตอกย้ำความแข็งแกร่ง โดยสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่าตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 54,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 10.458 ล้านตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน แต่ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.0 ล้านตำแหน่ง

 

รายงานระบุว่า อัตราการเปิดรับสมัครงานทรงตัวที่ระดับ 6.4% ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานลดลงสู่ระดับ 6.055 ล้านตำแหน่ง และอัตราการจ้างงานลดลงสู่ระดับ 3.9%

 

ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของ Fed

 

ตำแหน่งงานที่มากขึ้นดังกล่าวถือเป็นการบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย เพราะโดยปกติแล้วธุรกิจต่างๆ จะหยุดโฆษณาการเปิดงานหากว่าเศรษฐกิจเกิดภาวะสะดุด และตำแหน่งงานว่างจำนวนมากบ่งชี้ว่า Fed จะยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อระงับเงินเฟ้อ 

 

นักวิเคราะห์และนักลงทุนในตลาดต่างจับตามองการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในวันศุกร์ที่ 6 มกราคมนี้ของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งคาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม หลังจากเพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน พร้อมคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.7% ในเดือนธันวาคม 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising