หลายองค์กรในสหรัฐฯ เริ่มทยอยกำหนดให้การเข้ารับวัคซีนโควิดเป็นเงื่อนไขสำคัญ หลัง FDA รับรอง Pfizer เต็มรูปแบบ

วันนี้ (26 สิงหาคม) หลายองค์กรในสหรัฐอเมริกาเริ่มทยอยกำหนดให้การเข้ารับวัคซีนโควิดกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเข้าทำงาน เข้าปฏิบัติหน้าที่ เข้าใช้บริการ รวมถึงลงทะเบียนเรียน หลังจากคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ อย.สหรัฐฯ (FDA) อนุมัติการใช้งานวัคซีนโควิดชนิด mRNA จาก Pfizer-BioNTech เต็มรูปแบบ แทนการใช้เป็นกรณีฉุกเฉินแล้ว สำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป นับเป็นวัคซีนตัวแรกที่ได้รับอนุมัติให้ใช้งานเป็นการทั่วไปได้ในสหรัฐฯ

กองทัพสหรัฐฯ เตรียมมีคำสั่งให้นายทหารที่ประจำการอยู่ในขณะนี้จำเป็นต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการติดและแพร่กระจายเชื้อภายในประเทศ ขณะที่คณาจารย์และเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยในรัฐต่างๆ อย่างนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์ การเข้ารับวัคซีนโควิดกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเข้าทำงาน

ส่วนมหาวิทยาลัยมินนิโซตาก็เตรียมประกาศให้นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนทั้งหมดราว 67,000 ราย รวมถึงเจ้าหน้าที่คณะทั้งหมดราว 23,000 ราย ใน 5 แคมปัส เข้ารับการฉีดวัคซีนทั้งหมด ในขณะที่มหาวิทยาลัยรัฐโอไฮโอประกาศให้นักศึกษาราว 68,000 ราย รวมถึงเจ้าหน้าที่คณะอีกราว 45,000 ราย ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 เข็ม ก่อนวันที่ 15 ตุลาคมนี้

หลายฝ่ายมองว่าการอนุมัติวัคซีนโควิดเต็มรูปแบบตัวแรกของ อย.สหรัฐฯ ถือเป็นใบเบิกทางสำคัญในการผลักดันการฉีดวัคซีนโควิดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันกลุ่มในสังคมอเมริกัน หลังมีพลเมืองเกือบ 30% ที่ยังคงลังเลที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน ในขณะที่พลเมืองที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ราว 73.4% ของจำนวนพลเมืองทั้งหมด เข้ารับการฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส ขณะที่ 62.7% ของพลเมืองที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว

โดยสัดส่วนจำนวนผู้ที่เข้ารับวัคซีนในสหรัฐฯ จะเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่โอกาสที่จะพบผู้ป่วยที่มีอาการไม่พึงประสงค์หรือผลข้างเคียงจากวัคซีนก็อาจเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จากมาตรการและการกำหนดให้การเข้ารับการฉีดวัคซีนเป็นเงื่อนไขสำคัญ ส่งผลให้มีพลเมืองอเมริกันบางกลุ่มเริ่มทยอยประท้วงแนวคำสั่งและมาตรการดังกล่าวเหล่านั้น หลังมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการเลือกของประชาชน

บทความที่เกี่ยวข้อง: