×

จุดเริ่มของความฝันกับการฝึกซ้อมระดับโลกในแบบฉบับของบาร์เซโลนา [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
14.09.2018
  • LOADING...

“ผมอยากติดทีมชาติไทยครับ” “หนูอยากไปเล่นที่ลีกต่างประเทศค่ะ” “ไอดอลผมคือ เมสซี ครับ” “หนูชอบพี่อาร์ม-ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง” นี่คือความฝันและไอดอลนักเตะของเด็กๆ หลายคนที่ตั้งไว้เป็นเป้าหมายที่อยากจะไปให้ถึง ซึ่งก่อนจะไปถึง ณ จุดนั้น สิ่งที่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีคือต้องเกิดจากการฝึกซ้อมที่ดี

 

คงจะดีไม่น้อยถ้าเด็กๆ ได้เริ่มต้นด้วยการซ้อมและเรียนรู้เทคนิคการเล่นฟุตซอลที่ดีโดยทีมงานโค้ชจากทีมระดับโลก

 

 

เราได้พูดคุยถึงโครงการดีๆ ที่สานฝันน้องๆ เหล่านี้ อย่างกิจกรรม ไมโล แคมป์ ที่สร้างโอกาสให้เด็กๆ ได้สัมผัสการฝึกซ้อมระดับโลกกับทีมระดับโลกอย่างบาร์เซโลนา

 

น้องๆ ที่ได้เข้าฝึกซ้อมสุดพิเศษในแคมป์นี้ จะต้องเป็นผู้ที่โชว์ฟอร์มการเล่นได้ดี และแสดงความมีน้ำใจนักกีฬาในการแข่ง ไมโล ฟุตซอล 2018 Road to Barcelona รอบรองและรอบชิงชนะเลิศ รายการแข่งขันฟุตซอลระดับเยาวชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และสตาฟฟ์โค้ชชื่อดังของเมืองไทย จะคัดเลือกนักเตะในช่วงอายุ 715 ปี จำนวน 50 คนเพื่อเข้าร่วม ไมโล แคมป์ กับ 3 สตาฟฟ์โค้ชมืออาชีพจากบาร์เซโลนา และสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทย

 

 

นำทีมผู้ฝึกสอนจากทีมระดับโลกโดย อัลแบร์โต อดามุซ ปอร์ราส, ฮาเวียร์ โลเปซ คิเมเนส, ฆอร์ดี้ ปาเลา อเซนซิโอ้ ร่วมกันฝึกสอนเด็กเรื่องทักษะและเทคนิค ให้เด็กๆ เป็นทั้งผู้เล่นเกมรุกและเกมรับที่ดี จากการเคลื่อนไหวร่างกายที่เร็วและคล่องแคล่ว จนไปถึงปรับทัศนคติในการเล่นเป็นทีม โดยซ้อมในระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม ถึง 2 กันยายน 2561

 

ก่อนที่จะเริ่มซ้อม อัลแบร์โต ไม่ลืมที่จะเปิดวิดีโอนักเตะระดับโลกให้เด็กๆ ได้ดูเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ เขาบอกว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวอย่าง เพื่อเด็กจะได้รู้สึกว่าตัวเองต้องไปถึงจุดนั้น เช่น คนเล่นฟุตซอลอาจสนใจนักฟุตซอลระดับโลกของทีมบาร์เซโลนา หรือคนที่เล่นฟุตบอลก็อยากเป็น ลิโอเนล เมสซี ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือการให้ตัวอย่างที่ดีแก่พวกเขา

 

ซึ่งตรงตามปรัชญาของบาร์เซโลนาคือ ต้องดูไปตั้งแต่จุดที่เล็ก เพราะจุดเล็กๆ จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เช่น การดูแลเด็กในทีมของเราให้ดี และสิ่งอื่นๆ ที่ดีจะตามมาเอง เมื่อถึงเวลาฝึกจะจริงจังให้เหมือนแข่งจริง เพื่อเตรียมตัวให้เขาพร้อม ในการไปเป็นนักกีฬาจริงๆ 100%

 

 

ทักษะต่างๆ ที่โค้ชชาวสเปนนำมาสอนแบ่งออกเป็น

1. การฝึกทักษะส่วนบุคคลและเทคนิคร่วมกันเป็นทีม

2. การฝึกทักษะจิตวิทยาเพื่อวิเคราะห์เกมว่าทีมตนเองเป็นทีมที่เหนือกว่าหรือด้อยกว่าในการแข่งขัน

3. การฝึกทักษะการเล่นเกมรุกในแต่ละตำแหน่ง และทักษะการเล่นเป็นทีมและทักษะรายบุคคล

4. การฝึกทักษะการเล่นเกมรับและการสวนเกม

5. การฝึกทักษะการจบเกมและทำประตูอย่างรวดเร็ว

 

ในการฝึกทั้ง 5 ทักษะจะสอดแทรกอยู่ในเกมต่างๆ ที่ให้น้องๆ ฝึกซ้อมในแต่ละวัน รวมทั้งการวอร์มอัปร่างกาย เช่น เกมไม้กางเขน ที่จะแบ่งน้องๆ ออกเป็นสี่แถว แล้วให้อยู่ตรงข้ามกันเป็นเครื่องหมายบวก และเริ่มให้ผู้เล่น 1 คนเลี้ยงบอลออกมาด้วยเท้าข้างเดียว เมื่อถึงจุดกึ่งกลางก็ส่งบอลด้วยข้างเท้าด้านนอกให้เพื่อน ทำวนไปและเปลี่ยนเท้าทั้งซ้ายและขวา รวมถึงการสลับไป

 

จากการสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดใน ไมโล แคมป์ เห็นได้ว่าโค้ชมีความเป็นกันเองกับเด็กๆ เป็นอย่างมาก แต่ในความเป็นกันเองพวกเขาก็ยังมองถึงจุดที่เด็กๆ ต้องพัฒนา และค่อยๆ พยายามแก้ไขไปทีละอย่าง เช่น การตื่นตัว การตัดสินใจ และการใช้พื้นที่ในสนามให้คุ้มค่า ซึ่งโค้ชจะพยายามให้น้องๆ เล่นด้วยความไว เพื่อให้ได้ทั้งฝึกและพัฒนาทั้ง 3 ข้อ พร้อมสอดแทรกให้เข้าใจในแท็กติกของกีฬาฟุตซอลเข้าไปด้วย

 

โดยหลังจากดูการซ้อม โค้ชจากทีมดังในแคว้นกาตาลุญญา พูดถึงจุดแข็งของเด็กไทยว่า จากที่เราได้ฝึกซ้อมด้วยกัน เด็กไทยเลี้ยงเก่ง มีระเบียบวินัยและเทคนิคที่ดี รวมถึงความอึดของร่างกายดี

 

 

ทั้งนี้อัลแบร์โต้ยังมองเห็นว่าเด็กส่วนใหญ่ยังชอบเล่นแต่เกมรุก ไม่มีใครอยากเล่นเกมรับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาชอบที่สุดในการฝึกคือ ให้สู้กันแบบ 1 ต่อ 1 และดูว่าฝ่ายบุกจะบุกอย่างไร ฝ่ายรับจะรับอย่างไร หากเขาชนะและรู้ว่าชนะโดยแย่งบอลได้เยอะ มันจะกลายเป็นแรงผลักดันให้เขา จะได้รู้ว่าการเล่นไม่ได้แค่การรุกเพียงอย่างเดียว สุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีแรงกระตุ้นในตัวเองเพื่อไปแย่งบอลให้ได้ ไม่ใช่อยู่เฉยๆ ต้องมีความกระหายเพื่อชนะเป็นสำคัญ

 

การเล่นทีมก็สำคัญ ซึ่งเขาจะให้เล่นไปเลย แล้วนับว่าใครแพ้ใครชนะ เมื่อแข่งกัน เสร็จทีมไหนแพ้ก็ให้ทำแบบฝึกหัดเพิ่ม แต่จะไม่เรียกว่าการลงโทษ เพราะเด็กจะเสียกำลังใจ

 

 

โดยมีการฝึกทั้งรุกและรับอยู่หลายเกม และสอดแทรกการเล่นเป็นทีมด้วย เช่น การแบ่งเป็น 2 ทีม ทีมละ 2 คน โดยแบ่งเป็นฝ่ายรุกและฝ่ายรับ เริ่มต้นทั้ง 2 คนพยายามเข้าทำเพื่อจะไปทำประตู และเมื่อลองบุกแล้วคิดว่าเข้าไปยิงประตูไม่ได้แน่ๆ สามารถส่งบอลไปให้เพื่อนอีกคนที่รออยู่หลังประตู เพื่อเพิ่มผู้เล่นในการรุก และผู้เล่นคนนั้นต้องรับเข้าทำอย่างเร็วที่สุด เพราะฝั่งรับก็จะมีผู้เล่นเพิ่มเข้ามาช่วยเหมือนกัน

 

อีกหนึ่งความพิเศษที่สุดในกิจกรรมนี้คือการคัดเลือกน้องๆ นักเตะอายุระหว่าง 712 ปีจำนวน 8 คน ที่แสดงถึงทักษะความสามารถได้โดดเด่นเป็นตัวแทนของประเทศ เพื่อบินลัดฟ้าไปเข้ารับการฝึกทักษะในที่ที่นักเตะระดับโลกฝึกจริง ที่คัมป์นู สโมสรบาร์เซโลนา ประเทศสเปนใน “บาร์ซา อคาเดมี” ระหว่างวันที่ 28 กันยายน ถึง 4 ตุลาคม 2561 โดยน้องทั้ง 8 คนที่ได้รับเลือกได้แก่

 

 

  • เด็กชายธนวัฒน์ โกพลรัตน์
  • เด็กชายพีรดา หล้าสวัสดิ์
  • เด็กชายโธมัส จูเนียร์ ไท ชมิทท์
  • เด็กหญิงมาติกา ท่าพริก
  • เด็กชายอีธาน เดวิด สเปียร์
  • เด็กชายกอบชัย เจิมประดิษฐ์วงศ์
  • เด็กชายนฤกฤศ แสงสว่าง
  • เด็กหญิงลลิตา กวินสนธิมาศ

 

สตาฟฟ์โค้ชจากบาร์ซายังบอกถึงความพิเศษของน้องทั้ง 8 คนว่า แต่ละคนมีความพิเศษที่ต่างกัน ถึงแม้จะมีบุคลิกที่คล้ายกัน

 

 

ทั้งนี้ ฮาเวียร์ ยังบอกอีกว่า การที่น้องได้เดินทางไปบาร์เซโลนาถือเป็นการเปิดโลกที่ดี เพราะแต่ละที่ของทั่วทุกมุมโลกจะมีประสบการณ์ใหม่ ที่คนในที่หนึ่งอาจไม่เคยเจอ และเป็นประสบการณ์ที่สำคัญที่สุดที่เด็กๆ ควรจะได้รับ

 

 

สุดท้าย อัลแบร์โต ยังพูดถึงเด็กที่ไม่ได้ถูกรับเลือกว่า อยากให้น้องๆ เก็บความรู้สึกที่ดีในการเข้าแคมป์นี้ เพราะตรงนี้ก็เหมือนเป็นรางวัลแล้ว ในการซ้อมเท่าที่เขาเห็นมา เด็กๆ ทำผลงานได้ดี แต่สุดท้ายก็ต้องมีคนที่ได้ไปและไม่ได้คัดเลือก

 

 

น้องตั้งใจ-มาติกา ท่าพริก อายุ 10 ปี หนึ่งในเด็กที่ได้รับการคัดเลือก บอกถึงความตั้งใจที่จะไปซ้อมที่บาร์เซโลนาว่า หวังว่าหนูจะทำเต็มที่ และจะเก็บเกี่ยวทักษะความรู้ทุกอย่างที่โค้ชสเปนสอนหนู เพื่อปรับใช้ในการเล่นฟุตซอลต่อไป ให้ไปถึงความฝันสูงสุดที่หนูอยากไปเล่นที่ลีกต่างประเทศ และอย่างน้อยหนูก็อยากติดทีมชาติไทย

 

 

อีกหนึ่งนักเตะรุ่นจิ๋วที่ได้โอกาสอย่าง โธมัส จูเนียร์ ไท ชมิทท์ เล่าว่าความฝันอยากเล่นอาชีพกับติดทีมชาติไทย และมีไอดอลเป็น ลิโอเนล เมสซี กับฟิลิปป์ คูตินโญ สองสตาร์ดังของบาร์เซโลนา โดยตอนนี้มีความสุขและสนุกในการเล่นฟุตซอลมากๆ

 

สำหรับการไปซ้อมที่สเปน ทีเจ อยากฝึกในเรื่องการเลี้ยงลูก และการตัดสินใจระหว่างเล่น ให้เหมือนกับไอดอลของเขา

 

 

ด้านนายไชยงค์ สกุลบริรักษ์ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์นมและโภชนาการ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า โครงการ ไมโล ฟุตซอล 2018 Road to Barcelona เป็นการต่อยอดจากโครงการฟุตซอลที่ไมโลจัดมาหลายปี เพื่อนำเด็กไทยไปสร้างแรงบันดาลใจกับทีมระดับโลกอย่างบาร์เซโลนา และในปีหน้าตั้งใจที่จะต่อยอดให้ยิ่งใหญ่มากกว่าเดิม โดยไมโลจับมือกับบาร์ซาด้วยสัญญาขั้นต้นที่ทำไว้ 4 ปี

 

 

และบทบาทของผลิตภัณฑ์เราเองจะค่อยเสริมด้วยการให้คุณค่าโภชนาการที่ดีผ่านสินค้าที่ดีมีคุณภาพ เพื่อสร้างให้เด็กไทยพัฒนาสุขภาพตัวเองด้วยการเล่นกีฬา เรียนรู้ทักษะชีวิตผ่านกีฬา ภายใต้แนวคิดที่ว่า กีฬาคือครูชีวิต

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising