“ถ้าถามถึงสีที่ชอบ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบสีไหน แต่อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วฉันก็ยังเป็นตัวเอง นั่นคือเคท มิดเดิลตัน” นี่คือคำพูดติดตลกของพระองค์ขณะประทานสัมภาษณ์ถึงสไตล์การแต่งตัวในขณะที่ถูกสื่อรุมล้อม

     ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์อย่าง เคท มิดเดิลตัน (Kate Middleton) ไม่ใช่คนที่หลงใหลในการเป็นสไตล์ไอคอน แต่พระองค์รู้ว่าตัวเองชอบอะไร และไม่เคยหวังให้ใครต้องทำตาม จากหญิงสาวสามัญชนก้าวสู่ฐานะของดัชเชสแห่งราชวงศ์อังกฤษ แน่นอนว่าพระองค์ย่อมเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนเป็นธรรมดา และมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
     หากมีใครเอ่ยถึงเรื่องราวของ ‘เจ้าหญิงสมถะของโลก’ หลายคนอาจจะนึกถึงเคท มิดเดิลตัน ที่ถูกสรรเสริญเยินยอเกี่ยวกับการมิกซ์แอนด์แมตซ์เสื้อผ้าสตรีทแวร์อย่าง Zara บ้าง แบรนด์สัญชาติอังกฤษอย่าง Topshop บ้าง ซึ่งพระองค์ทรงสวมใส่สลับซ้ำไปมาโดยไม่ได้แคร์สายตาของผู้พบเห็น แตกต่างจากเจ้าหญิงหรือพระราชวงศ์พระองค์อื่นที่มักใส่เพียงครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น ผู้ใกล้ชิดของพระองค์เปิดเผยว่า “พระองค์ไม่ใช่เจ้าหญิงสมถะอย่างที่สื่อประโคมข่าว พระองค์แค่รู้ว่าความชอบของตัวเองเป็นอย่างไร หลายครั้งที่เห็นเจ้าหญิงเคทฉลองพระองค์ด้วยสตรีทแบรนด์ แต่ในหลายต่อหลายงานก็ทรงสวมใส่แบรนด์ชั้นนำของโลก หรือแม้แต่ custom made จากไฮแบรนด์ชื่อดังก็ทรงสวมใส่ออกงานอยู่เป็นระยะ”

     เพียงไม่นานก็มีประเด็นขึ้นมาทันที หลังจากที่เห็นดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ทรงสวมสร้อยคอหรูหราจากแบรนด์ Cartier ในนิทรรศการ Aiming High ที่ The National Portrait Gallery แต่ความสำคัญของเรื่องงานกลับดูด้อยค่าลงไปเลย เมื่อสื่อต่างประโคมข่าวเรื่องสร้อยคอ Cartier เส้นนั้นว่ามาอยู่ที่เจ้าหญิงสมถะผู้นี้ได้อย่างไร บ้างก็ว่าสนนราคาของสร้อยคอเส้นนี้มากกว่า 49,000 ปอนด์ บ้างก็เมาท์ไปว่าได้หยิบยืมมาจากแบรนด์ดังเพื่อใส่ออกงาน ซึ่งนั้นล้วนเป็นคำเท็จที่หลายคนต่างโจษจัน เพราะแท้จริงแล้วมันเป็นคอลเล็กชันส่วนพระองค์ และเป็นสมบัติที่มีมานานแล้วตั้งแต่ยังทรงเป็นสามัญชน ไม่ได้เพิ่งซื้อหรือยืมมาแต่อย่างใด

     รายงานค่าใช้จ่ายประจำปี ไล่มาตั้งแต่ ปี 2011 มีลิสต์รายการเพิ่มมาอีกหนึ่งหัวข้อคือ ค่าใช้จ่ายเรื่องเสื้อผ้าของดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ซึ่งพระบิดาของพระสวามีอย่างเจ้าชายชาร์ลส์ เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยก่อนหน้านั้นเจ้าหญิงเสียค่าใช้จ่ายเรื่องเสื้อผ้าในช่วง 6 เดือนหลังแต่งงานสูงถึง 35,000 ปอนด์เลยทีเดียว

     ด้วยพระราชกิจของตำแหน่งในราชวงศ์อังกฤษ ทำให้พระองค์มีกิจกรรมเกี่ยวกับสังคมมากมาย ซึ่งนั่นนำมาสู่การใช้จ่ายทางด้านเสื้อผ้าและการดูแลตัวเอง ส่วนพระสวามีอย่างเจ้าชายวิลเลียมเองนั้นทรงมีรายได้และรับเงินเดือนทั้งปีจากตำแหน่งนักบิน และมีกองทุนที่เจ้าหญิงไดอานาทิ้งไว้ให้ แต่ก็มีข้อกำหนดกฎเกณฑ์ที่ใช่ว่าจะเบิกมาใช้จ่ายได้อย่างตามใจ รายจ่ายของครอบครัวใหม่แห่งราชวงศ์อังกฤษจึงอยู่ในความดูแลของเจ้าชายชาร์ลส์ ซึ่งโดยปกติแล้วค่าใช้จ่ายภายในวัง รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งของเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮรีเอง พระบิดาก็เป็นผู้ดูแลทั้งหมด ถึงแม้รายจ่ายของการดูแลบุคคลในวังจะมีมากขึ้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเทียบไม่ได้เลยกับรายได้ของเจ้าชายชาร์ลส์จากผลกำไรด้านอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้นทุกๆ ปี ซึ่งปัจจุบันสูงกว่า 20 ล้านปอนด์ ทำให้รายจ่ายของลูกสะใภ้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปเลยสำหรับพระองค์

     ในส่วนของรสนิยมการแต่งตัวของดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ เราได้เห็นความหรูหราด้วยการเริ่มต้นจากพระราชพิธีเสกสมรสของพระองค์และเจ้าชายวิลเลียม โดยได้แบรนด์โปรดของดัชเชสแห่งเคมบริดจ์อย่าง Alexander McQueen ที่เริ่มต้นความสง่างามด้วยชุดแต่งงานที่ได้หัวหอกตัวตายตัวแทน ซาราห์ เบอร์ตัน เป็นผู้รังสรรค์ชุดแห่งความเรียบง่าย แต่สง่างามอย่างเหลือเชื่อ ทั้งยังดูทันสมัยในแบบเจ้าหญิงเคทผู้ไม่ตามใคร และเลือกที่จะเป็นตัวเอง ผ้าไหมซาตินสีงาช้างที่ออกแบบโดยซาราห์ เบอร์ตัน ถูกปักเย็บอย่างวิจิตรบรรจงด้วยฝีมืองานช่างจาก Royal School of Needlework ที่ต้องคอยล้างมือทุกๆ 30 นาทีเพื่อให้ลูกไม้ลายดอกไม้ขาวสะอาด ว่ากันว่าแค่ชุดนี้มูลค่าสูงถึง 350,000 ปอนด์ หรือราว 15 ล้านบาทไทยเลยทีเดียว ยังไม่รวมต่างหูเพชรของ Robinson Pelham ที่ทำขึ้นเพื่อพระองค์เป็นพิเศษ และรองเท้าจากแบรนด์ Alexander McQueen เช่นกัน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวข้างต้นคงลบล้างฉายาที่สื่อเคยตั้งให้ได้เป็นอย่างดี

     ผู้เชี่ยวชาญทางด้านแฟชั่นของราชวงศ์อังกฤษเล่าถึงดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ว่า แน่นอนว่า Alexander McQueen เป็นหนึ่งในแบรนด์โปรดของพระองค์ด้วยการดีไซน์ที่แยบยล ในขณะเดียวกันก็มีเสน่ห์ในแบบโอต์ กูตูร์ ที่สร้างความพิสมัยได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ซาราห์เองไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นดีไซเนอร์คู่ใจเพียงเท่านั้น แต่เธอยังทำหน้าที่เป็นคู่คิดทางด้านสไตล์ให้กับเจ้าหญิงด้วย ทางด้านของแบรนด์เรียบหรูอย่าง Jenny Packham แบรนด์ของอังกฤษที่ก่อตั้งมานานกว่า 29 ปี เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เจ้าหญิงเคทโปรดปราน เคปเดรส และเดรสสีพาสเทลคอลึก สร้างซิลูเอตความงามได้ดุจสตรีผู้มีความเจิดจรัส พระองค์มักฉลองพระองค์ด้วยแบรนด์นี้ในวาระโอกาสที่สำคัญอย่างงาน ฉลองครบรอบ 60 ปีการครองราชย์ของสมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบธที่ 2 หรือแม้แต่ขณะทรงพระครรภ์ แบรนด์นี้ก็ยังคงเป็นที่โปรดปรานอยู่เสมอ

     ผู้เชี่ยวชาญยังระบุอีกว่า ด้วยความที่พระองค์มีรูปร่างที่ผอมสูง สะโอดสะอง ทำให้เสื้อผ้า Ready to wear อีกหลายแบรนด์มักเป็นที่โปรดปรานและพอพระทัยอยู่เสมอ อย่างดีไซเนอร์ชื่อดังชาวแคนาดาจากแบรนด์ Erdem ก็เล่าถึงพระองค์ว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นอยู่เสมอที่เห็นชุด Ready to wear ในหลายคอลเล็กชันของเราเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่พระองค์โปรดปราน เราสะดุดตาชุด Erdem Alouette Tiered Floral Silk Gown ที่พระองค์ทรงสวมใส่ในงาน Victoria and Albert Museum ที่ลอนดอนในปี 2015 ซึ่งพระองค์ทำให้คำว่าเจ้าหญิงชัดเจนยิ่งขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด ท่วงท่าและอากัปกิริยาที่ชดช้อยสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นจนยากจะลืมเลือน” หรือแม้แต่แบรนด์ Prabal Gurung ที่ถึงกับให้นิยามดัชเชสเคทที่ฉลองพระองค์เดรสลายปรินต์จากแบรนด์ขณะเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ว่า ‘เจ้าหญิงผู้เปล่งประกาย’ ซึ่งทั้งหมดล้วนหักลบคำครหาเจ้าหญิงสมถะในครั้งอดีตจนหมดสิ้น

Cover Photo: MONEY SHARMA/POOL/AFP