วันนี้ (30 มิถุนายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ถึงนโยบายราคารถไฟฟ้า 30-35 บาท ว่าที่พูดมาตลอดช่วงหาเสียงคือราคาค่าโดยสารเฉลี่ย ซึ่งหมายความว่าราคาที่เป็นไปได้สำหรับผู้โดยสารนั่งโดยปกติ 8 สถานี ซึ่งจะใช้สูตรคำนวณที่มีคนเคยคิดไว้คือ 14+2x (x คือจำนวนสถานี) ถ้านั่งเฉลี่ย 8 สถานีคือราคา 30 บาท
“คือตลอดสายอย่าเอาไปคิด เพราะตลอดสายคนไม่ได้นั่งตลอด เพราะจริงๆ แล้วที่เราพูดคือจำนวนสถานีเฉลี่ยที่คนส่วนใหญ่นั่งรถไฟฟ้า ถ้าเราไปพูดราคาค่าโดยสารตลอดสาย คนส่วนใหญ่ไม่ได้นั่งและคนจะเข้าใจผิด เพราะสายสีเขียวมันระยะทางไกล”
ส่วนแนวคิดการใช้เงินงบประมาณของรัฐมาอุดหนุนราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า ชัชชาติกล่าวว่า ถ้าถามว่าการอุดหนุนค่าโดยสารจะคุ้มค่าไหม ซึ่งได้มีการพูดคุยกับสภาองค์กรของผู้บริโภค ได้อธิบายไปว่า เมื่อพูดถึงคำว่าผู้บริโภคมันหมายถึงผู้บริโภคอื่นๆ ด้วย ซึ่งต้องคิดให้รอบคอบเหมือนกันถ้าจะเอาเงินภาษีประชาชน กทม. ทุกคนไปอุดหนุนผู้โดยสารรถไฟฟ้า
ส่วนการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวเพื่อแลกกับภาระหนี้ประมาณ 1 แสนล้านบาท ชัชชาติระบุว่า โดยหลักการพื้นฐานการบริหารจัดการหนี้ รัฐควรรับภาระหนี้และเก็บทรัพย์สินไว้ เพราะรัฐสามารถกู้เงินได้ถูกกว่าเอกชน ดังนั้นถ้าให้เอกชนรับหนี้ไปภาระดอกเบี้ยเขาสูงกว่าเขาก็ไม่ได้รับหนี้ไปฟรีๆ แต่บวกกับมาในรูปแบบสัญญาสัมปทาน แต่เราไม่ได้บอกว่าเอกชนเขาโกงเรานะ มันเป็นหลักการทางธุรกิจพื้นฐานอยู่แล้ว
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้คือสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนแรกหมดสัญญาปี 2572 แต่ส่วนต่อขยายที่มีการจ้างเดินรถหมดสัญญาจ้างเดินรถปี 2585 ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องรีบไปจ้างเดินรถยาวนานขนาดนั้น อีกทั้งยังเป็นสัญญาที่ห้ามเปิดเผยกับบุคคลภายนอก แต่เดี๋ยวจะดูก่อนว่าจะเปิดเผยให้ประชาชนรับรู้กว่านี้ได้ไหม เพราะจริงๆ แล้วตนก็ไม่ได้เป็นคนไปเซ็นสัญญา แต่บอกได้ว่าสัญญาจ้างเดินรถส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีเขียว กทม. จ้าง BTS ประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี
