ชื่อของ ฟรานเซส เฮาเกน (Frances Haugen) อดีตผู้จัดการฝ่ายดูแลผลิตภัณฑ์ของ Facebook วัย 37 ปี กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในฐานะ ‘ผู้แจ้งเบาะแส’ หรือ ‘Whistleblower’ หลังจากที่เธอส่งเอกสารภายในของบริษัทให้แก่หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal และเปิดหน้าให้สัมภาษณ์แฉบริษัทผ่านสื่อใหญ่อย่าง CBS News ก่อนจะเข้าให้การต่อคณะอนุกรรมาธิการของวุฒิสภาสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (5 ตุลาคม) เปิดโปงแนวทางดำเนินงานของบริษัท ด้วยข้อกล่าวหาว่า Facebook นั้นมุ่งเน้น ‘การทำกำไรมหาศาล’ มากกว่า ‘การคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้คน’
ข้อกล่าวหาร้ายแรงของเฮาเกน ส่งผลให้ผู้คนทั่วโลกเกิดความสงสัยในนโยบายของ Facebook แม้ว่าล่าสุดทางผู้ก่อตั้ง Facebook อย่าง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก จะพยายามตอบโต้และปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง แต่ยังมีอีกหลายประเด็นที่สร้างความไม่มั่นใจให้กับผู้ใช้งาน
Facebook รู้ว่าอัลกอริทึมทำร้ายผู้คน
– เฮาเกน ซึ่งลาออกจาก Facebook เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เข้าให้การต่อคณะอนุกรรมาธิการพาณิชย์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคของวุฒิสภาสหรัฐฯ เริ่มต้นด้วยการประกาศยืนยันความเชื่อของเธอว่า ผลิตภัณฑ์เว็บไซต์และแอปพลิเคชันของ Facebook นั้นทำร้ายเยาวชน เพิ่มความแตกแยกและบั่นทอนระบอบประชาธิปไตยให้อ่อนแอลง
– เฮาเกนชี้ว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นผลจากปัญหาพื้นฐาน คือโมเดลการทำธุรกิจของ Facebook ที่มุ่งเน้นด้านโฆษณา ซึ่ง Facebook ต้องการให้ผู้ใช้งานอยู่บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของตนให้นานที่สุด และบริษัทก็ใช้ประโยชน์จากอารมณ์ความรู้สึกเชิงลบเพื่อบรรลุเป้าหมาย
– ในระหว่างให้การต่อคณะอนุกรรมาธิการวุฒิสภา เฮาเกนกล่าวหาระบบการจัดอันดับเนื้อหาตามหลักอัลกอริทึม และการออกแบบแพลตฟอร์มของ Facebook ว่ามีส่วนสำคัญต่อปัญหาในหลายประเด็นที่เกิดขึ้น
– ขณะที่เฮาเกนกล่าวว่า Facebook รู้อยู่แล้วว่า การจัดอันดับเนื้อหาตามหลักอัลกอริทึม หรือการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งานนั้น ทำให้ผู้ใช้งานใช้เวลาอยู่ในแพลตฟอร์มนานขึ้น ซึ่งระยะเวลาที่นานขึ้น หมายถึงการทำเงินที่มากขึ้นตามไปด้วย
– หนึ่งในข้อมูลน่าตกใจที่ถูกเปิดเผยออกมา คืองานวิจัยภายในของ Instagram บริษัทลูกของ Facebook ซึ่งพบว่า แอปพลิเคชัน Instagram ทำให้สภาพจิตใจของเด็กหญิงวัยรุ่นแย่ลง โดย 32% ของเด็กหญิงวัยรุ่น เผยว่าในขณะที่พวกเธอกำลังรู้สึกแย่เกี่ยวกับร่างกายของตัวเองนั้น Instagram ยิ่งทำให้รู้สึกแย่ลง ซึ่งเฮาเกนเชื่อมโยงกรณีนี้ว่าเป็นผลจากระบบการจัดอันดับเนื้อหาที่อิงตามการมีส่วนร่วม
Facebook มีประเด็นปัญหาด้านโครงสร้าง
– เฮาเกนยังอ้างว่า Facebook มีปัญหาด้านการจัดหาทีมงานที่ไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการตรวจสอบและรับมือเนื้อหาที่เป็นอันตรายในแพลตฟอร์มของตน
– โดยปัญหาหลักของการมีทีมงานไม่เพียงพอ มาจากความยากลำบากในการจ้างงาน ซึ่งทำให้แต่ละโปรเจกต์มีทีมงานน้อยเกินไป ซึ่งในส่วนงานที่เธอเคยทำ คือทีมงานต่อต้านการจารกรรมข้อมูลนั้น พบว่าสามารถจัดการกับปัญหาที่เจอได้เพียง 1 ใน 3 เท่านั้น
– ขณะที่สภาพแวดล้อมในองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดปัญหา โดยเฮาเกนชี้ว่า ซักเคอร์เบิร์กสร้างองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยตัวชี้วัดจำนวนมาก ซึ่งมีจุดประสงค์หลักเพื่อไม่ให้ใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบเพียงฝ่ายเดียว และให้ตัวชี้วัดเหล่านี้ทำการตัดสินใจแทน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ตัวของซักเคอร์เบิร์กเองที่ควบคุมคะแนนโหวตในบริษัทมากกว่าครึ่ง ยังต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการอยู่ดี
เฮาเกนยืนยันไม่ต้องการแตกหักกับ Facebook
– เฮาเกนปฏิเสธการออกมาเปิดโปง Facebook ครั้งนี้ ว่าไม่ใช่การแตกหักกับบริษัทตามที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ แต่เธอมองว่า Facebook ควรถูกบังคับให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี เช่น การเปลี่ยนไปใช้ระบบฟีดข่าวและเนื้อหาตามลำดับเวลา และแจ้งให้ผู้ใช้งานอ่านเนื้อหาหรือบทความก่อนที่จะโพสต์
– โดยเธออ้างผลวิจัยภายในของ Facebook ที่ชี้ว่าการดำเนินการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเหล่านี้ จะช่วยลดการเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ ข้อความที่สร้างความเกลียดชัง และเนื้อหาที่ปลุกปั่นความรุนแรงในแพลตฟอร์มได้อย่างมาก
– ขณะที่เฮาเกนยังเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินการใดๆ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ช่วยลดอันตรายจากแนวทางดำเนินงานของ Facebook โดยเปรียบเทียบกับบริษัทยาสูบหรือผู้ผลิตรถยนต์ ที่รัฐบาลเข้ามาดำเนินการควบคุมเพื่อให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
– สำหรับคำถามว่าการเปลี่ยนแปลงแนวทางดำเนินงานของ Facebook จะส่งผลต่อการทำกำไรของบริษัทหรือไม่นั้น เฮาเกนชี้ว่า Facebook มีตัวเลขกำไรในปัจจุบันที่สูงมาก โดยทำกำไรในปีที่แล้วสูงถึง 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 979,000 ล้านบาท
– ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เธอกล่าวถึง จะไม่ทำให้ Facebook กลายเป็นบริษัทที่ไม่สามารถทำกำไร เพียงแต่อาจไม่ได้ทำกำไรอย่างไร้เหตุผล โดยผู้คนอาจจะบริโภคเนื้อหาบน Facebook น้อยลง แต่ Facebook ก็ยังคงทำกำไรอยู่
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก โต้ข้อกล่าวหา
– ซักเคอร์เบิร์กโพสต์ข้อความในบัญชี Facebook ส่วนตัว ตอบโต้คำให้การของเฮาเกน โดยชี้ว่าข้อกล่าวหาที่ว่า Facebook มุ่งเน้นการทำกำไรก่อนความปลอดภัยของประชาชนนั้นไม่เป็นความจริง
– เขาระบุถึงข้อกล่าวหาที่ว่า Facebook พยายามผลักดันเนื้อหาที่ทำให้ประชาชนมีอารมณ์โกรธเคืองเพื่อสร้างผลกำไรนั้น เป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลอย่างยิ่ง เนื่องจาก Facebook ทำกำไรจากโฆษณา และผู้ลงโฆษณาเน้นย้ำกับบริษัทว่า ไม่ต้องการให้โฆษณาของพวกเขาไปอยู่ข้างเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือสร้างความโกรธเคือง
– นอกจากนี้ ซักเคอร์เบิร์กยังกล่าวถึงข้อกล่าวหาของเฮาเกน ที่มาจากเอกสารภายในบริษัทซึ่งส่งให้แก่ The Wall Street Journal ว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไร้เหตุผล
– หนึ่งในข้อกล่าวหาที่สร้างความเสียหายที่สุด คือ Facebook ล้มเหลวในการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหา หลังงานวิจัยภายในแสดงให้เห็นว่า Instagram ทำร้ายสภาพจิตใจของเด็กหญิงวัยรุ่น ซึ่งซักเคอร์เบิร์กชี้ว่า หาก Facebook ต้องการเพิกเฉยต่องานวิจัย ทำไมทางบริษัทต้องสร้างโครงการวิจัยในระดับผู้นำในอุตสาหกรรม เพื่อทำความเข้าใจประเด็นปัญหาสำคัญเหล่านี้ตั้งแต่แรก
– สำหรับข้อกล่าวหาที่ว่า ปัญหาการขาดแคลนพนักงานส่งผลต่อการจำกัดเนื้อหาที่เป็นอันตรายของ Facebook ซักเคอร์เบิร์กชี้แจงว่า หาก Facebook ไม่ใส่ใจในการจัดการกับเนื้อหาที่เป็นอันตราย ทำไม Facebook จึงมีการจ้างพนักงานมากมายเพื่อทุ่มเททำงานในเรื่องนี้มากกว่าบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
– ซักเคอร์เบิร์กยังชี้แจงข้อกล่าวหาของเฮาเกน ที่อ้างถึงงานวิจัยภายในของ Facebook ว่าการเปลี่ยนแปลงระบบจัดอันดับเนื้อหาใน News Feed ทำให้เนื้อหาที่สร้างความแตกแยกถูกขยายออกไปมากขึ้น และ Facebook มุ่งเน้นการขยายเนื้อหาเหล่านี้เพื่อให้ผู้คนใช้เวลากับ Facebook มากขึ้น
– ซึ่งเขาระบุว่า การเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมใน News Feed ของ Facebook เมื่อปี 2018 ถูกนำมาใช้เพื่อการเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ใช้งาน โดยระบบจะแสดงคลิปไวรัลน้อยลง และมีเนื้อหาจากเพื่อนหรือครอบครัวมากขึ้น ซึ่ง Facebook รู้ดีว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะทำให้ผู้คนใช้เวลาใน Facebook น้อยลง แต่งานวิจัยชี้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน พร้อมตั้งคำถามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ คือสิ่งที่บริษัทที่มุ่งเน้นผลกำไรเหนือผู้คนทำหรือ?
อ้างอิง:
- https://www.euronews.com/next/2021/10/06/facebook-whistleblower-four-key-takeaways-from-frances-haugen-s-us-senate-hearing
- https://edition.cnn.com/2021/10/06/tech/facebook-frances-haugen-testimony/index.html
- https://edition.cnn.com/2021/10/05/tech/facebook-whistleblower-testify/index.html
- https://www.theverge.com/2021/10/6/22712927/facebook-instagram-teen-mental-health-research
- https://www.theguardian.com/technology/2021/oct/06/mark-zuckerberg-hits-back-at-facebook-whistleblower-frances-haugen-claims