×

เฟซบุ๊กหุ้นตก 3 พันล้านเหรียญคือภาพลวงตา เชื่อรายได้จากโฆษณาเพิ่มในระยะยาว

16.01.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

2 Mins. Read
  • หลังจากที่ประกาศเตรียมปรับหน้านิวส์ฟีดแบบใหม่ มูลค่าหุ้นของเฟซบุ๊กก็ตกลงทันทีกว่า 4.5% ต่อจุด และทำให้มูลค่าทรัพย์สินของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งสื่อสังคมออนไลน์หายไปกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ
  • นักวิเคราะห์มองว่าราคาหุ้นที่ดิ่งลงเป็นแค่ผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวเฟซบุ๊กจะได้รับประโยชน์จากเงินค่าซื้อโฆษณาของเพจต่างๆ มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว
  • ผู้ประกาศข่าวในกัวเตมาลา หนึ่งในประเทศที่เฟซบุ๊กเคยทดลองปรับหน้านิวส์ฟีดเมื่อเดือนตุลาคมบอกว่า ยอดคนอ่านและเอ็นเกจเมนต์ในเพจข่าวของตนตกลงแบบน่าใจหาย ส่วน The Guardian แนะให้ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการหันไปพึ่งพาแพลตฟอร์มสื่อสารอื่นๆ ให้มากขึ้นแทน

ท่ามกลางข่าวการประกาศปรับปรุงนิวส์ฟีดโฉมใหม่ของเฟซบุ๊กให้เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน และสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันมากขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 12 ม.ค. ที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทย (ตรงกับช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่ 11 ม.ค. ประเทศสหรัฐอเมริกา) ด้วยการเตรียมปรับลดโอกาสการเห็นโพสต์จากเพจทั่วไปให้น้อยลง เพื่อให้เห็นโพสต์จากผู้ใช้งานทั่วไปมากขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมากลับไม่เป็นไปตามที่เฟซบุ๊กคาดการณ์ไว้

 

 

ทันทีที่ทั่วโลกทราบถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับนิวส์ฟีดโฉมใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เช้าวันถัดมาตามเวลาประเทศสหรัฐอเมริกา มูลค่าหุ้นของเฟซบุ๊กก็ด่ำดิ่งตกลงกว่า 4.5% ต่อจุดทันที จากเดิมก่อนที่จะประกาศข่าวปรับนิวส์ฟีด หุ้นของเฟซบุ๊กเคยมีมูลค่าอยู่ที่ 187.66 เหรียญสหรัฐต่อจุดก็ลดลงเหลือ 178 เหรียญสหรัฐต่อจุดแทน หรือคิดง่ายๆ ว่าหายไปกว่า 9.66 เหรียญสหรัฐต่อจุดเลยทีเดียว! (มูลค่าหุ้นล่าสุด นับจนถึงวันอังคารที่ 16 ม.ค. ตามเวลาไทยอยู่ที่ 179.37 เหรียญสหรัฐต่อจุด)

 

เท่านั้นยังไม่พอ มูลค่าทรัพย์สินโดยรวมของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งสื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมก็ลดลงมากกว่า 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยจะอยู่ที่ประมาณ 105,400 ล้านบาท

 

ภาพประกอบ: Pichamon Wannasan

 

ถึงอย่างนั้นก็ดี นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญหลายภาคส่วนยังมองว่าปรากฏการณ์มูลค่าหุ้นเฟซบุ๊กตกลงจะเป็นผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น โดยเชื่อว่ามูลค่าหุ้นของบริษัทจะฟื้นตัวในเร็ววันนี้และอาจจะดีขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำเมื่อเฟซบุ๊กสามารถกอบโกยรายได้มหาศาลจากการแห่ซื้อโฆษณาของเพจต่างๆ ในอนาคตเพื่อให้คอนเทนต์ของตัวเองยังคงปรากฏลงบนหน้านิวส์ฟีด

 

ซามูเอล เคมป์ (Samuel Kemp) นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงิน Piper Jaffray เชื่อว่าการที่เฟซบุ๊กปรับหน้านิวฟีดส์แบบใหม่จะเป็นผลดีกับบริษัทในระยะยาว ส่วนไบรอัน ไวเซอร์ (Brian Wieser) จากทีมวิจัย Pivotal มองว่าการประกาศปรับเปลี่ยนในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นการเติบโตด้านรายได้ที่ดีของบริษัท “ในระยะสั้น พวกเราเชื่อว่าการเปลี่ยนนิวส์ฟีดแบบใหม่ในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตทางธุรกิจในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ อย่างไรก็ตามพวกเรายังคิดว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อผลประกอบการโดยรวมของธุรกิจบริษัทเฟซบุ๊กในระยะยาวด้วย”

 

 

มองจากฝั่งผู้ประกอบการและเจ้าของแพลตฟอร์มอย่างเฟซบุ๊ก สถานการณ์ในช่วงนี้ของพวกเขาอาจใกล้เคียงกับสำนวน ‘อดเปรี้ยวกินหวาน’ เพราะต้องอดทนกับเสียงติติงจากคนทำเพจทั่วสารทิศ แต่สิ่งที่พวกเขาจะได้รับในระยะยาวคือเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่จะกลับมาตอบแทนการเสียสละในวันนี้ แต่หากมองในฝั่งคนทำเพจที่จะได้รับผลกระทบ หลายฝ่ายคงมองว่าเฟซบุ๊กก็ไม่ต่างอะไรจากนักธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ทำการค้าที่หัวใสและเจ้าเล่ห์ไม่เบา

 

ถ้ายังจำกันได้ เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เฟซบุ๊กเคยทดลองปรับนิวส์ฟีดแบบใหม่ใน 6 ประเทศ ได้แก่ ศรีลังกา, โบลิเวีย, สโลวาเกีย, เซอร์เบีย, กัวเตมาลา และกัมพูชา เพื่อแยกโพสต์จากเพจต่างๆ ออกจากหน้านิวส์ฟีดผู้ใช้งานปกติ และผลที่เกิดขึ้นก็ไม่ดีเอาเสียเลย เมื่อนักข่าวในกัวเตมาลาให้ข้อมูลกับทาง The Guardian ว่าทันทีที่มีการทดลองปรับหน้านิวส์ฟีดแบบใหม่ ยอดคนอ่านคอนเทนต์และเอ็นเกจเมนต์ก็หล่นฮวบแบบน่าใจหาย

 

นอกจากนี้สื่อจากเกาะอังกฤษยังแสดงความเห็นที่น่าสนใจไว้ว่าผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากการปรับนิวส์ฟีดแบบใหม่มากที่สุดคือบรรดาเพจที่พึ่งพาการใช้งานเฟซบุ๊กมากเกินกว่าที่ควร และแนะทางออกที่เหมาะสมว่าให้ ‘หนี’ จากแพลตฟอร์มที่เราไม่สามารควบคุมอะไรได้ด้วยตัวเอง เพื่อย้ายไปอยู่บนช่องทางที่เราเป็นผู้กำหนดทุกสิ่งอย่างได้ด้วยตัวเองแทน

 

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่

 

Photo: AFP

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising