Stranger Things, Mindhunter, House of Cards, Nacos, Black Mirror, 13 Reasons Why, Ozark และ Okja คือรายชื่อซีรีส์และภาพยนตร์ยอดนิยมบางส่วนเท่านั้นที่เป็นผลงานการผลิตและอำนวยการสร้างโดยเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิงออนดีมานด์ที่โลดแล่นในตลาดนี้มากว่า 10 ปี
กลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พวกเขาเพิ่งจะประกาศความสำเร็จระลอกใหม่ หลังมียอดสมาชิกผู้ใช้บริการแตะหลัก 109 ล้านคนในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก และยังเตรียมทุ่มงบไม่อั้นอีก 8 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 265,000 ล้านบาทเพื่อสร้างคอนเทนต์แบบออริจินัลของตัวเองในปี 2018 ที่จะถึงนี้
ถือเป็นโอกาสที่ดีของ THE STANDARD ที่จะได้จับเข่าคุยกับ โทนี่ ซาเมคโควัสกี้ (Tony Zameczkowski) รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจประจำบริษัทเน็ตฟลิกซ์ ภูมิภาคเอเชีย ผู้คร่ำหวอดในแวดวงอุตสาหกรรมเทคโนโลยี-สื่อมานานกว่า 18 ปี และเคยทำงานในตำแหน่งผู้ดูแลธุรกิจด้านเสียงเพลงให้กับ Youtube และ Google ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถึง 8 ปี ก่อนที่ล่าสุดเพิ่งจะย้ายตำแหน่งมาดูแลงานให้เน็ตฟลิกซ์เมื่อต้นปีที่แล้ว
ครั้งนี้ผู้บริหารหนุ่มจากฝรั่งเศสเดินทางมาเยือนประเทศไทยเพื่อเจรจาแนวทางธุรกิจร่วมกับพาร์ตเนอร์ของพวกเขาในไทยอย่างเอไอเอส (AIS: บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)) เราจึงได้คิวสัมภาษณ์พิเศษเพื่อให้เจ้าตัวบอกเล่าถึงเคล็ดลับความสำเร็จ แนวทางดำเนินธุรกิจ เทรนด์ผู้บริโภค ตลอดจนแพลนการสร้างคอนเทนต์แบบออริจินัลในประเทศไทยของเน็ตฟลิกซ์!
วิธีที่จะสู้กับหนังผิดลิขสิทธิ์เหล่านั้นก็คือการที่ผู้ให้บริการอย่างเราต้องมอบบริการที่ดีที่สุด และยกระดับคุณภาพของคอนเทนต์ให้แก่ผู้ชม
ทีมงานของเราได้รับเชิญไปร่วมงานเปิดตัวซีรีส์ ‘Stranger Things 2’ ที่ลอสแอนเจลิส และพบว่ามันเป็นงานที่ใหญ่ระดับเดียวกับงานพรหมแดงของฮอลลีวูดเลย จริงๆ แล้วเน็ตฟลิกซ์ต้องการจะทำอะไรกันแน่ มันมีความหมายกับคุณอย่างไร
พวกเราเริ่มต้นผลิตคอนเทนต์ออริจินัลของตัวเองมาตั้งแต่ปี 2013 และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือซีรีส์ยอดเยี่ยมเรื่อง House of Cards ซึ่งนำแสดงโดยเควิน สเปซีย์ (Kevin Spacey) และกำกับโดยเดวิด ฟินเชอร์ (David Fincher) หลังจากนั้นพวกเราก็เร่ิมผลิตคอนเทนต์ของตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เวลาที่คิดถึงเน็ตฟลิกซ์ก็จะเห็นภาพขององค์กรแบบบูรณาการ เราเป็นทั้งแพลตฟอร์มบริการวิดีโอสตรีมมิงออนดีมานด์และสตูดิโอผลิตคอนเทนต์ เราทำคอนเทนต์เยอะมากๆ ตั้งแต่ภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ ไปจนถึงคอนเทนต์สำหรับเด็กและสารคดี และ Stranger Things ก็เป็นหนึ่งในคอนเทนต์เหล่านั้นที่ประสบความสำเร็จมากๆ จากทั่วโลก จนเป็นเหตุให้เน็ตฟลิกซ์ตัดสินใจสร้างซีซันต่อมาของซีรีส์เรื่องนี้ทันที ซึ่งเพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อไม่กี่วันมานี้
และต่อไปก็จะได้เห็นคอนเทนต์จำนวนมหาศาลบนเน็ตฟลิกซ์ออกมาเรื่อยๆ ปีนี้พวกเราลงทุนไปมากกว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อซื้อและผลิตคอนเทนต์มาวางฉาย ส่วนปีหน้าเราจะเพิ่มงบลงทุนด้านคอนเทนต์เป็น 8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะทำให้คอนเทนต์ออริจินัลของเน็ตฟลิกซ์มีระยะเวลาฉายรวมเป็น 1,000 ชั่วโมงเลยก็ว่าได้
ทำไมเน็ตฟลิกซ์ถึงให้ความสำคัญกับการสร้างคอนเทนต์ของตัวเองขนาดนั้น
ที่ต้องลงทุนกับการสร้างคอนเทนต์อย่างต่อเนื่องเพราะว่าการผลิตคอนเทนต์ของตัวเองขึ้นมาจะทำให้เรานำมาออนแอร์ฉายแบบเอ็กซ์คลูซีฟได้เฉพาะช่องทางของเรา ตัวอย่างง่ายๆ เลยเช่น Stranger Things ซีซัน 2 ที่เพิ่งออนแอร์ไปไม่กี่วันก่อนพร้อมๆ กันในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก
ส่วนการเพิ่มงบลงทุนจาก 6 พันล้านเหรียญสหรัฐเป็น 8 พันล้านเหรียญสหรัฐก็เพื่อที่เราจะสามารถสร้างคอนเทนต์ออริจินัลจากหลายๆ ประเทศได้มากขึ้น ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จจากโมเดลนี้คือภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง Okja ผลงานการกำกับโดยบง จุนโฮ (Bong Joon-ho) ที่ได้รับความนิยมอย่างท่วมท้นบน เน็ตฟลิกซ์ และในอนาคตเราก็ตั้งใจจะผลิตคอนเทนต์จากเกาหลีให้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับคอนเทนต์จากอินเดีย ไต้หวัน และประเทศอื่นๆ ฉะนั้นพวกคุณก็จะได้ดูคอนเทนต์จำนวนมากที่ฉายบนเน็ตฟลิกซ์
ตลาดไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพสุดๆ สำหรับเน็ตฟลิกซ์
แล้วสำหรับประเทศไทยละ มีโอกาสที่เน็ตฟลิกซ์วางแผนสร้างคอนเทนต์ออริจินัลจากไทยบ้างไหม
ณ ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ แต่พวกเราก็หวังว่าจะผลิตคอนเทนต์ที่เชื่อมโยงกับตลาดผู้บริโภคประเทศไทยให้ได้มากข้ึน
จริงๆ แล้วเน็ตฟลิกซ์ก็ไม่ต่างจาก Machine Learning (หุ่นยนต์เรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้) ฉะนั้นยิ่งผู้คนเลือกชมคอนเทนต์ผ่านช่องทางของเน็ตฟลิกซ์มากเท่าไร พวกเราก็จะเรียนรู้ได้มากขึ้นเท่านั้น และยิ่งเราเรียนรู้ได้มากขึ้น เราก็จะสามารถผลิตคอนเทนต์ให้ตรงตามรสนิยมความชอบของแต่ละคน รวมถึงมอบประสบการณ์ยอดเยี่ยมให้พวกเขาได้สัมผัสในราคาที่จ่ายเท่าเดิม
แสดงว่ามีความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะผลิตคอนเทนต์ออริจินัลลงในเน็ตฟลิกซ์
เป็นไปได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้พวกเรายังไม่มีข้อมูลความคืบหน้าเลย อย่างที่ผมบอกแหละว่าพวกเราก็ยังเรียนรู้ข้อมูลของตลาดและเว็บไซต์ต่อไปเรื่อยๆ อย่างตอนนี้เรารู้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยสื่อสารกับผู้บริโภคให้เห็นถึง ‘คุณค่าของสื่อด้านความบันเทิง’ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าหนังใต้ดินผิดลิขสิทธิ์ได้รับความนิยมมากๆ ในเอเชีย ดังนั้นวิธีที่จะสู้กับหนังผิดลิขสิทธิ์เหล่านั้นก็คือการที่ผู้ให้บริการอย่างเราต้องมอบบริการที่ดีที่สุด และยกระดับคุณภาพของคอนเทนต์ให้แก่ผู้ชม
นอกจากนี้เราก็จะมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับพวกเขาด้วย เพราะนอกเหนือจากการให้บริการสตรีมมิงเรายังจับมือกับผู้ให้บริการโครงข่ายในหลายๆ แห่ง คุณจึงได้เห็นวิธีการคาดการณ์คอนเทนต์ที่ผู้บริโภคน่าจะชอบพร้อมๆ กับการสตรีมวิดีโอที่รวดเร็ว ซึ่งผู้ชมแทบจะไม่ต้องรอนานๆ เลยด้วยซ้ำ เพราะเราลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีไปมาก
ปัจจุบันสถานการณ์ของเน็ตฟลิกซ์กับตลาดเอเชียเป็นอย่างไรบ้าง
เน็ตฟลิกซ์เริ่มเปิดตัวในเอเชียเมื่อเดือนมกราคม 2016 เราเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเอเชียพร้อมๆ กับประเทศอื่นอีกกว่า 130 แห่ง ปีที่ผ่านมามันเป็นเหมือนปีแห่งการเรียนรู้ พวกเราได้เรียนรู้พฤติกรรมและวิธีการที่ผู้บริโภคเลือกเสพคอนเทนต์ ส่วนปี 2017 นี้ก็ยังเป็นปีแห่งการเรียนรู้เช่นเคย พวกเราได้เรียนรู้จากผู้บริโภคและคอนเทนต์ในจำนวนที่มากขึ้น นอกจากนี้เราก็ยังเร่งเพิ่มจำนวนงบลงทุนของเราควบคู่ไปด้วย
ต้องบอกว่าตลาดของเราในเอเชียมีทิศทางที่ดีมากๆ พวกเราได้เห็นยอดตัวเลขผู้ชมเน็ตฟลิกซ์ที่น่าทึ่ง และแน่นอนว่าช่องทางของเราก็ต้องอยู่ควบคู่กับนโยบาย การเชื่อมต่อและการทำธุรกรรม ปัจจัยพวกนี้คือสิ่งที่พวกเราต้องถ่ายทอดออกมาให้ดีเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ในตลาดเอเชีย
เราเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อพันธมิตรของเราประสบความสำเร็จ และพวกเราก็ชอบการทำงานร่วมกัน การเป็นพันธมิตรอยู่ในดีเอ็นเอของเน็ตฟลิกซ์มานานแล้ว
กลยุทธ์ที่ใช้ในตลาดเอเชียของคุณเป็นอย่างไร
ลำดับแรกสุดเลยคือต้องสร้างคอนเทนต์ท้องถิ่นและคอนเทนต์ออริจินัลของ เน็ตฟลิกซ์ให้ได้มากขึ้น นอกเหนือจากคอนเทนต์อื่นๆ ที่เรามีอยู่แล้ว ประการถัดมาคือการทำงานควบคู่กับผู้ให้บริการในแต่ละประเทศเหมือนที่เราจับมือกับเอไอเอสในไทย ซึ่งจะช่วยให้เราขยายขอบเขตการให้บริการได้ไกลขึ้นกว่าเดิม โดยที่ผู้บริโภคและคนดูสามารถจ่ายเงินค่าใช้บริการเน็ตฟลิกซ์ผ่านค่าบริการโทรศัพท์ของเขาได้ในกรณีที่พวกเขาไม่ต้องการใช้หรือไม่มีบัตรเครดิต
เรายังใช้วิธีเดียวกันนี้กับหลายๆ ตลาดในเอเชีย รวมถึงสิงคโปร์กับผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์ซิงเทล (Singtel) และฟิลิปปินส์กับโกลบ เทเลคอม (Globe Telecom) พวกเราทำงานร่วมกับพวกเขาเหล่านี้เพื่อผสมผสานประสบการณ์การรับชมความบันเทิงและบริการโครงข่ายเข้าด้วยกันก่อนส่งต่อไปยังผู้ใช้บริการของพวกเรา
แสดงว่าเคล็ดลับก็คือการทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงบริการของเน็ตฟลิกซ์ให้ง่ายที่สุด
ใช่เลย พวกเราพยายามจะแก้ปัญหาการเข้าถึงบริการของเน็ตฟลิกซ์ แม้ว่าบริการของเราจะมีอยู่บนอินเทอร์เน็ตที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้อยู่แล้วก็ตาม แต่การร่วมมือกับผู้ให้บริการท้องถิ่นนั้นๆ และผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีจากค่ายต่างๆ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เพราะพวกเขาจะรู้ข้อมูลตลาดท้องถิ่นในแต่ละประเทศอย่างทะลุปรุโปร่ง การจับมือกับพวกเขาจึงทำให้พวกเราทั้งคู่ได้ประโยชน์ซึ่งกันและกันจากแต่ละตลาด
คิดเห็นอย่างไรกับสถานการณ์บริการสตรีมมิงวิดีโอออนดีมานด์ทุกวันนี้ มันจะดีขึ้นกว่านี้อีกไหม และคุณจะมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า
ถ้าเฉพาะเจาะจงแค่ในประเทศไทย ต้องบอกว่าเราตื่นเต้นมากๆ กับตลาดนี้ เนื่องจากเราได้เห็นโครงสร้างพื้นฐานหลายๆ อย่างภายในประเทศที่ดีขึ้น ทั้งการเชื่อมต่อสื่อสารและการใช้ประโยชน์จากสมาร์ทโฟน เหมือนที่คุณได้เห็นความคิดริเริ่มในการผลักดันเทคโนโลยีการสื่อสาร 4G ของเอไอเอส ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับเน็ตฟลิกซ์ เพราะพวกเราต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานเหล่านั้นในการกระจายบริการของเราให้อยู่ในวงกว้างมากขึ้น
ตอนนี้ทุกๆ อย่างค่อนข้างจะดำเนินไปในทิศทางที่ดีเลยทีเดียว ผมมีข้อมูลจากบริษัทด้านสื่อที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์และฮ่องกงจะมาแบ่งปันให้ฟัง พวกเขาบอกว่าเทรนด์การบริโภคสื่อจำพวกบริการวิดีโอสตรีมมิงออนดีมานด์ในประเทศไทยจะเติบโตอีกกว่า 350% หรือคิดเป็นมูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐภายในอีก 5 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งถือว่าน่าสนใจมากๆ เพราะนั่นหมายความว่าตลาดไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพสุดๆ สำหรับเน็ตฟลิกซ์
ตั้งแต่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว คุณเห็นผลตอบรับอย่างไรบ้าง
ผลตอบรับที่ไทยดีมากๆ เลย เราได้เห็นยอดเอ็นเกจเมนต์จากจำนวนชั่วโมงการดูคอนเทนต์ในเน็ตฟลิกซ์ที่เติบโตเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็วในประเทศไทย ซึ่งเป็นสัญญานที่บ่งชี้ว่าผู้คนในย่านอาเซียนกำลังเพลิดเพลินกับบริการของเรา
แล้วคุณทราบไหมว่าคอนเทนต์เรื่องใดได้รับผลตอบรับดีที่สุดในประเทศไทย
ผมว่ามันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลมากกว่านะ เพราะพวกเรามีกลไกการแนะนำคอนเทนต์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งจะทำให้เน็ตฟลิกซ์ของคุณและผมมีหน้าตาที่ไม่เหมือนกัน โดยเป็นผลจากการเสพคอนเทนต์ที่ต่างกัน ตัวอย่างเช่น เน็ตฟลิกซ์ของผมอาจจะแนะนำคอนเทนต์จำพวกสารคดีและภาพยนตร์-ซีรีส์แอ็กชันมาให้เยอะ แต่เน็ตฟลิกซ์ของคุณอาจจะแนะนำคอนเทนต์ประเภทดราม่าหรือภาพยนตร์สยองขวัญมาให้มากกว่า เพราะฉะนั้นมันขึ้นอยู่กับรสนิยมที่ต่างกันของแต่ละคนด้วย ซึ่งผมมองว่านี่แหละคือความสวยงามในแบบเน็ตฟลิกซ์กับการสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่ถูกนำเสนอผ่านรสนิยมและตัวตนความเป็นคนคนนั้น
นอกจากนี้คุณอาจจะรู้อยู่แล้วว่าตอนที่สมัครรับบริการจากเน็ตฟลิกซ์ คุณสามารถสร้างบัญชีผู้ใช้งานที่ต่างกันได้สูงสุดถึง 5 บัญชี ฉะนั้นถ้าคุณมีสมาชิกครอบครัวเป็นเด็กก็สามารถตั้งค่าโปรไฟล์ให้พวกเขาดูได้เฉพาะคอนเทนต์สำหรับเด็กเท่านั้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราผลิตคอนเทนต์ขึ้นมาสำหรับคนทุกคนในครอบครัว
ผมคิดว่าเคล็ดลับความสำเร็จของเราก็คือ การผสมผสานความเป็นสุดยอดในวงการฮอลลีวูดให้เข้ากับความเป็นที่สุดแห่งซิลิคอนวัลเลย์ให้ได้
ถ้าเปรียบเทียบระหว่างปีนี้และปีที่แล้วในประเทศไทย มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ผมคิดว่าคนดูคอนเทนต์บนเน็ตฟลิกซ์มากขึ้น วัดได้จากจำนวนระยะเวลาที่พวกเขาออนไลน์บนช่องทางของเรานานขึ้น ส่วนที่เราจับมือกับเอไอเอสในตอนนี้ก็เพื่อให้ผู้คนเข้าถึงเน็ตฟลิกซ์ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม อย่างที่ผมได้พูดถึงระบบการชำระค่าสมาชิกของเราในตอนต้นซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้บริการของเน็ตฟลิกซ์โดยไม่จำเป็นต้องใช้บัตรเครดิต
พวกเราเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับเอไอเอสเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยส่วนแรกของสัญญาความร่วมมือในครั้งนี้คือการเพิ่มช่องทางการจ่ายค่าบริการเน็ตฟลิกซ์ผ่านโทรศัพท์มือถือโดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ส่วนที่สองเป็นการทำการตลาดร่วมกันเพื่อให้คนได้ทดลองใช้บริการของเน็ตฟลิกซ์ฟรี 3 เดือนในกรณีที่ใช้แพ็กเกจอินเทอร์เน็ต 4G ความเร็วสูงของเอไอเส
ซึ่งเหตุผลที่เราตัดสินใจเป็นพันธมิตรกับคู่ค้าท้องถิ่นในแต่ละประเทศก็เพราะเราเชื่อว่าแต่ละฝ่ายสามารถเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ อย่างเน็ตฟลิกซ์เองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจวิดีโอสตรีมมิงออนดีมานด์ ส่วนเอไอเอสก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโครงข่ายโทรคมนาคมในประเทศไทย เราเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อพันธมิตรของเราประสบความสำเร็จ และพวกเราก็ชอบการทำงานร่วมกัน การเป็นพันธมิตรอยู่ในดีเอ็นเอของเน็ตฟลิกซ์มานานแล้ว พวกเราจับมือกับค่ายผู้ผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีจากทั่วโลกเช่น ซัมซุง (Samsung) และแอลจี (LG) มาเป็นระยะเวลาหลายปี ถ้านับแค่จำนวนตัวเลขอุปกรณ์ที่เป็นช่องทางเข้าถึง Netflix ได้ก็จะพบว่ามีมากถึง 1,000 เครื่อง ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ, สมาร์ททีวี, กล่องรับสัญญาน, แท็บเล็ต และแฟ็บเล็ต (อุปกรณ์ที่คล้ายเเท็บเล็ตแต่มีขนาดเล็กกว่า แต่ใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป)
ผู้คนจำนวนไม่น้อยหลงรักคอนเทนต์ออริจินัลของเน็ตฟลิกซ์ ทำไมพวกคุณถึงคิดว่าคอนเทนต์พวกนี้จะกลายเป็นที่รักของคนส่วนใหญ่ได้
เราผลิตคอนเทนต์ออริจินัลของตัวเองมาตั้งแต่ปี 2013 ด้วยแนวคิดการสร้างคอนเทนต์ให้ออนแอร์ได้ในทุกๆ ช่องทางและในเวลาเดียวกันเฉพาะบนแพลตฟอร์มของเน็ตฟลิกซ์เท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วการสร้างคอนเทนต์ที่คนจะหาดูได้เฉพาะที่เน็ตฟลิกซ์คือการเพิ่มความเหนียวแน่นให้กับแพลตฟอร์มของเรา
ตั้งแต่เรามีแพลตฟอร์มที่ออนแอร์ทั่วโลกผ่านสมาชิกของเราจำนวนกว่า 109 ล้านคน เราก็สามารถผลิตคอนเทนต์ได้จากทุกหนแห่ง ตัวอย่างเช่นซีรีส์เรื่องนาร์คอส (Narcos) ที่ถ่ายทำทั้งในประเทศโคลอมเบียและสหรัฐอเมริกา อำนวยการผลิตโดยบริษัทในฝรั่งเศส ก่อนออกอากาศฉายในภาษาอังกฤษและสเปน และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเอเชีย โดยเฉพาะที่อินเดีย
ดังนั้นการเดิมพันกับแพลตฟอร์มระดับโลกเช่นน้ี เราต้องแน่ใจให้ได้ว่าคอนเทนต์ของเราจะเดินทางไปหาผู้บริโภคได้ เรารู้ว่าเรื่องที่ยอดเยี่ยมจะสามารถมาจากทุกๆ ที่ในโลก และเน็ตฟลิกซ์ก็พร้อมที่จะนำมันมาสร้างต่อ
คิดว่าเคล็ดลับความสำเร็จของเน็ตฟลิกซ์คืออะไร
เน็ตฟลิกซ์เป็นทั้งบริษัทสื่อและบริษัทเทคโนโลยีในเวลาเดียวกัน ซึ่งสิ่งสำคัญคือเราต้องการจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งใน 2 ด้านดังกล่าว และผมคิดว่าเคล็ดลับความสำเร็จของเราก็คือ การผสมผสานความเป็นสุดยอดในวงการฮอลลีวูดให้เข้ากับความเป็นที่สุดแห่งซิลิคอนวัลเลย์ให้ได้ ผมคิดว่าการรวมทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันจะช่วยให้เราสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาได้ และด้วยเทคโนโลยีกลไกการแนะนำคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพมากๆ ก็จะทำให้เราป้อนคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของคนดูอย่างคุณได้ด้วย
และถ้าคุณดูคอนเทนต์ที่เราผลิตขึ้นมาด้วยตัวเอง ซึ่งหาดูได้เฉพาะบนแพลตฟอร์มของพวกเราในทุกที่ทุกเวลาเท่านั้น ก็จะเห็นว่ามีผู้ให้บริการเพียงไม่กี่รายที่สามารถทำได้เหมือนๆ กับเรา บางทีเราอาจจะเป็นผู้ให้บริการรายเดียวด้วยซ้ำที่มีคอนเทนต์ให้ทุกคนได้ดูเรื่องเดียวกันพร้อมกันจากทุกๆ ที่บนโลกนี้ ด้วยคุณภาพความคมชัดแบบ 4K และอัลตราเอชดี (Ultra HD) ซึ่งเราคิดว่าการผสานเทคโนโลยีและสื่อเข้าด้วยกันจะทำให้เราสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภคได้
แผนการในอนาคตของเน็ตฟลิกซ์เป็นอย่างไร เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่หรือเปล่า
ผมคิดว่าเรา (เน็ตฟลิกซ์) จะยังคงมุ่งหน้าลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราต่อไปเรื่อยๆ เพื่อปรับปรุงให้มันดีขึ้นกว่าเดิม ทุกวันนี้เน็ตฟลิกซ์มีจำนวนบุคลากรมากกว่า 1,500 คนที่จริงจังและใส่ใจในการทำงานเพื่อยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น ฉะนั้นต่อจากนี้ไปคุณก็จะได้เห็นนวัตกรรมที่หลากหลายผ่านผลิตภัณฑ์ของเน็ตฟลิกซ์ โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในตอนนี้คือฟีเจอร์การดาวน์โหลดคอนเทนต์เพื่อรับชมแบบออฟไลน์ในสถานการณ์ที่การเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่เอื้ออำนวย
ในตลาดกลุ่มประเทศโซนอาเซียน ฟีเจอร์นี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในอินเดีย เพราะบางครั้งการเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตนอกบ้านอาจจะทำได้ไม่สะดวก แต่ฟีเจอร์นี้ก็ช่วยให้คุณดาวน์โหลดคอนเทนต์ด้วยสัญญาณ Wi-fi จากที่บ้านได้ นี่คือตัวอย่างนวัตกรรมเจ๋งๆ ที่เน็ตฟลิกซ์ตั้งใจทำ
นอกจากนี้คุณยังจะได้เห็นคอนเทนต์ในจำนวนที่มากขึ้นจากทั่วโลก ซึ่งเป็นคอนเทนต์แบบออริจินัล และเราก็ยังจะเดินหน้าลงทุนกับการทำคอนเทนต์และการตลาดต่อไปด้วยเช่นกัน