×

5 เกมรอบรองชนะเลิศในความทรงจำของศึกฟุตบอลยูโร

โดย THE STANDARD TEAM
05.07.2021
  • LOADING...
5 เกมรอบรองชนะเลิศในความทรงจำของศึกฟุตบอลยูโร

ฟุตบอลยูโร 2020 เดินทางมาถึงรอบรองชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเกมทั้ง 2 คู่ ที่อิตาลีจะพบกับสเปน และอังกฤษจะพบกับเดนมาร์ก มาถึง เราไปย้อนดู 5 เกมในรอบรองชนะเลิศของฟุตบอลยูโรในอดีตที่อยู่ในความทรงจำกันเสียหน่อย

 

 

ฝรั่งเศส 3-2 โปรตุเกส (ต่อเวลาพิเศษ), ฟุตบอลยูโร 1984

 

หลังจากพลาดโอกาสคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโรจากการตกรอบรองชนะเลิศในปี 1960 ฝรั่งเศสก็กลับมาสู่เส้นทางการลุ้นแชมป์ยุโรปได้ครั้งแรกในรอบ 24 ปี ภายใต้การนำทัพของ ‘นโปเลียนลูกหนัง’ มิเชล พลาตินี แต่ ฌอง-ฟรองซัวส์ โดมแมร์ก ขโมยซีน ทำประตูให้ทีมตราไก่นำไปก่อน ทว่าครึ่งหลัง รุย จอร์เดา ก็มาตีเสมอให้ทีมฝอยทองได้ในนาที 74 จนเกมเสมอกัน 1-1 ใน 90 นาที ทำให้ต้องต่อเวลาเพื่อตัดสิน และเป็น คู่เดิมอย่างโดมแมร์กและจอร์เดาที่ทำคนละประตูจนเกมทำท่าว่าจะต้องตัดสินด้วยการดวลลูกที่จุดโทษ แต่พลาตินีก็มายิงประตูชัยให้ฝรั่งเศสก่อนหมดเวลาแค่นาทีเดียว และได้ไปต่อจนคว้าแชมป์ในบั้นปลายด้วยการเอาชนะสเปน 2-0

 


 

 

เยอรมนี 1-1 (จุดโทษ  6-5) อังกฤษ, ฟุตบอลยูโร 1996

 

หนึ่งในเกมแห่งความทรงจำของใครหลายๆ คน และเป็นหนึ่งในเกมที่แฟนบอลอังกฤษเจ็บปวดมากที่สุด หลังจากที่พวกเขาหมายมั่นปั้นมืออย่างดีในการคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโรครั้งแรกในประเทศของตัวเอง ทุกอย่างดำเนินมาได้ด้วยดี จนกระทั่งมาเจอทีมไม้เบื่อไม้เมาอย่างเยอรมนีในรอบรองชนะเลิศ แม้อังกฤษจะขึ้นนำก่อนอย่างรวดเร็วในนาทีที่ 3 จาก อลัน เชียเรอร์ แต่อินทรีเหล็กก็ใช้เวลาไม่นานในการตีเสมอจาก สเตฟาน คุนท์ซ นาทีที่ 16 หลังจากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายก็ต่างทำอะไรกันไม่ได้ แม้จะต่อเวลาออกไปอีก 30 นาทีแล้วก็ตาม สุดท้ายต้องมายิงจุดโทษเพื่อตัดสิน โดย 5 คนแรกของทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีใครยิงพลาดเลย และคนที่ 6 ของเยอรมนีอย่าง อันเดรียส โมลเลอร์ ก็ยิงเข้าไปเช่นกัน แต่ แกเร็ธ เซาท์เกต ผู้จัดการทีมอังกฤษในตอนนี้ ที่รับหน้าที่ยิงคนที่ 6 ของอังกฤษ กลับพลาด ทำให้เยอรมนีผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ และคว้าแชมป์ในปีนั้น

 


 

 

กรีซ 1-0 เช็ก (ต่อเวลาพิเศษ), ฟุตบอลยูโร 2004

 

แม้จะเป็นหนึ่งในเกมที่อาจจะน่าเบื่อติดอันดับต้นๆ ในรอบรองชนะเลิศของฟุตบอลยูโร แต่นั่นก็เป็นหนึ่งในเกมที่ใครหลายคนจดจำได้ถึงความเขี้ยวของทั้งกรีซและเช็ก ที่ต่างเดินเกมใส่กันอย่างตึงเครียดตลอด 90 นาที นักเตะทั้งสองฝ่ายต่างกดดันกันไปมาเมื่ออีกฝ่ายได้ครองบอล แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครทำประตูได้ตลอด 2 ครั้ง ทำให้ต้องต่อเวลาออกไปอีก 30 นาที และในที่สุดช่วงทดเวลานาทีที่ 105+1 ในครึ่งแรกของการต่อเวลากรีซก็มาได้ประตูจาก ตรายานอส เดลลาส ถึงแม้จะเป็นกฎ ‘Silver Goal’ แต่การมายิงในนาทีสุดท้ายก่อนพักครึ่งก็ไม่ต่างจาก ‘Golden Goal’ ที่ยิงเข้าแล้วชนะเลย ทำให้กรีซได้เข้าไปสร้างเทพนิยายในรอบชิงชนะเลิศ ด้วยการเอาชนะโปรตุเกส และคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโรครั้งแรกและครั้งเดียวของพวกเขาได้สำเร็จ

 


 

 

เยอรมนี 3-2 ตุรกี, ฟุตบอลยูโร 2008

 

นอกจากจะเป็นเกมที่ใครหลายคนจดจำได้เพราะความมันหยดที่มีประตูถึง 5 ลูกแล้ว เกมนัดนี้ยังถูกจดจำด้วยความดราม่าของเกมที่การแข่งขันถูกตัดสินในนาทีสุดท้าย โดยตุรกีที่เป็น ‘จอมโกงตาย’ แห่งทัวร์นาเมนต์ หลังยิงประตูในนาทีสุดท้ายเอาชนะสวิตเซอร์แลนด์และเช็ก รวมไปถึงยิงในช่วงต่อเวลานาที 120 ตีเสมอโครเอเชีย และเอาชนะในการดวลจุดโทษ ต้องมาเจอไม้เด็ดที่พวกเขาทำมาตลอดย้อนศรใส่ตัวเอง หลังจากที่ เซมิห์ เซนเติร์ก ยิงประตูตีเสมอให้ทีมไก่งวงเป็น 2-2 ในนาที 86 ทุกคนก็คิดว่าปาฏิหาริย์จะเกิดกับตุรกีอีกครั้ง แต่ ฟิลิปป์ ลาห์ม มายิงประตูชัยให้เยอรมนีในนาทีที่ 90 ส่งผลให้เยอรมนีเอาชนะไปได้ 3-2 แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายอินทรีเหล็กต้องไปพ่ายต่อสเปนในรอบชิงชนะเลิศในบั้นปลาย 

 

 

เยอรมนี 1-2 อิตาลี, ฟุตบอลยูโร 2012

 

อินทรีเหล็กเก็บ 9 คะแนนเต็ม พร้อมชนะกรีซมาอย่างไม่ยากเย็น ก่อนเข้ามาเจอกับอิตาลีในรอบรองชนะเลิศ ยูโร 2012 โดยอิตาลีในช่วงนั้นยังเป็นทีมที่เล่นเน้นรับแบบ ‘คาเตนัคโซ’ และกว่าจะผ่านรอบ 8 ทีมสุดท้าย ต้องยัดเสมออังกฤษและเอาชนะด้วยการดวลลูกที่จุดโทษ โดยก่อนเกมใครๆ ก็มองว่าอิตาลีเป็นรองอยู่มาก แต่ มาริโอ บาโลเตลลี กลับทำ 2 ประตูให้อัซซูร์รีในครึ่งแรกนาที 20 และ 36 ก่อนใช้เกมรับอันเหนียวแน่นยันเยอรมนีมาเกือบตลอดเกม แม้สุดท้ายจะมาเสียลูกที่จุดโทษจน เมซุต โอซิล ยิงไล่มานาที 90+2 แต่นั่นก็ช้าเกินไป พวกเขาล้มตัวเต็งได้ในปีนั้น แต่สุดท้ายกลับต้องไปพ่ายในรอบชิงชนะเลิศต่อสเปนแบบหมดรูป

 

ภาพประกอบ: เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising