×

เซ่นวิกฤตโควิด-19 Estée Lauder ปลดพนักงาน 1.5-2 พันคนทั่วโลก ปิดร้านค้า 10-15% หวังประหยัด 1.26 หมื่นล้านบาทต่อปี

21.08.2020
  • LOADING...

Estée Lauder กลายเป็นบริษัทเครื่องสำอางหรูรายล่าสุดที่ต้องออกมาประกาศ ‘ปลดพนักงาน’ หลังมีผลกำไรที่ลดลง ขณะที่ยอดขายออนไลน์พุ่งสูงขึ้นในช่วงที่มีการระบาดไม่เพียงพอที่จะชดเชยการปิดร้านชั่วคราว

 

บริษัทที่เป็นเจ้าของแบรนด์หรู เช่น Jo Malone, Clinique, La Mer, Too Faced และ M.A.C กำลังประสบปัญหาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภคได้ปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตใหม่จากการทำงานจากที่บ้าน และสั่งซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เช่น ครีมบำรุงรอบดวงตาและมอยส์เจอไรเซอร์มากกว่าการแต่งหน้า 

 

ดังนั้นยอดขายจึงลดลงในทุกกลุ่ม เช่น ยอดขายลิปสติกที่ลดลง เพราะผู้บริโภคมองว่าการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะทำให้ไม่จำเป็นต้องทาลิปสติก ส่วนยอดขายเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผม และน้ำหอมได้ลดลงเช่นกัน เนื่องจากเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าต้องปิดลง 

 

ในขณะที่ยอดขายออนไลน์พุ่งสูงขึ้นในช่วงที่เกิดการระบาด แต่ก็ไม่ได้ชดเชยการปิดร้านค้าปลีกทั่วโลกชั่วคราวอย่างเต็มที่ Estée Lauder กล่าว นอกจากนี้ยอดขายยังได้รับผลกระทบจากการลดการเดินทางทางอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายในสนามบิน

 

สิ่งนี้ทำให้ยอดขายของบริษัท Estée Lauder ลดลง 4% สำหรับปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน เหลือ 1.429 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.49 แสนล้านบาท และกำไรลดลง 62% เหลือ 684 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.1 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไร 1.79 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.6 หมื่นล้านบาทในปีที่แล้ว ซึ่งกำไรยังคงลดลงอย่างมาก แม้ว่าบริษัทจะลดค่าใช้จ่ายได้ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการลดโฆษณา การเดินทาง และการหยุดรับสมัครพนักงานใหม่ไปแล้วก็ตาม 

 

ด้วยเหตุนี้ Estée Lauder จึงประกาศแผนการลดต้นทุนด้วยการปลดพนักงานทั่วโลก 1,500-2,000 คน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3% ของพนักงานทั้งหมด โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักคือพนักงานที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าและพนักงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างหนัก ขณะเดียวกันยังวางแผนที่จะเปิดร้านค้าปลีกอีกประมาณ 10-15% รวมถึงปิดเคาน์เตอร์ความงามในห้างสรรพสินค้าบางแห่ง เนื่องจากผู้บริโภคเปลี่ยนไปซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น

 

“แบรนด์หรูโดยเฉพาะแบรนด์ที่ต้องพึ่งพาการจัดจำหน่ายในห้างสรรพสินค้ากำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก” เดวิด พิลนิก ประธาน Pilnick Associates ที่ปรึกษาระดับโลกสำหรับผู้ค้าปลีกและแบรนด์ความงามและแฟชั่นกล่าว 

 

“แบรนด์เหล่านี้กำลังลงทุนอย่างมากในด้านดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยอดขายส่วนใหญ่มาจากห้างสรรพสินค้า พวกเขาจึงได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้เวลาในห้างสรรพสินค้า เพราะพวกเขาสามารถซื้อแบรนด์เหล่านี้ได้ทางออนไลน์”

 

Estée Lauder คาดหวังว่าจะช่วยให้บริษัทประหยัดเงินได้ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.26 หมื่นล้านต่อปี

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising