×

EST.33 เปิดตัวเมนูใหม่ ได้ 6 สุดยอดเชฟมาร่วมครีเอท ในคอนเซปต์ Taste Of Life [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
30.01.2020
  • LOADING...
EST33

HIGHLIGHTS

4 MINS. READ
  • ตั้งแต่ปลายปี 2562 กว่าครึ่งเมนูของ EST.33 ถูกปรับโฉมใหม่ใส่ความเป็นไทย สนุกครบรส แพรวพราวด้วยลูกเล่น และยังได้เชฟที่เยี่ยมยุทธฝีมือการปรุงต่างกันมาช่วยออกแบบเมนูที่ต้องกิน! ในคอนเซปต์ใหม่ Taste of Life พร้อมเสิร์ฟทุกสาขาแล้ว

ไม่น่าจะมีนักดื่ม-นักชิมผู้ใดไม่รู้จัก EST.33 ร้านอาหารที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจน ผ่านการตกแต่งทั้ง 4 สาขา  CDC, The nine พระราม 9, The Up พระราม 3 และสาขาน้องใหม่ Singha Complex ที่แม้จะต่างกันที่การดีไซน์ แต่ถูกหล่อหลอมไว้ด้วยคอนเซปต์เดียวกัน 

 

ย้ำชัดๆ อีกครั้ง นอกจากชื่อ EST.33 จะมาจากคำว่า ‘Established in 1933’ ซึ่งเป็นปีแรกที่บริษัทบุญรอดเปิดทำการ แต่อีกนัยที่ซ่อนไว้ EST ยังหมายถึงความเป็นที่สุด เราจึงเห็นความ ‘สุด’ ในทุกดีเทล ทั้งความเป็น ‘ที่สุด’ ของเบียร์ที่คิดค้นขึ้นมาเป็นพิเศษ 3 สไตล์ ได้แก่ Lager Beer, Copper Beer และ Black Beer หรือที่สุดความอร่อยของเมนูอาหาร 


ขาประจำ EST.33 น่าจะพอสังเกตได้ว่า ทุกปีเมนูของทางร้านจะปรับเพื่อให้ลูกค้าได้สนุกกับการได้ลิ้มลองรสชาติใหม่ๆ จานไหนถูกใจนักชิมเยอะหน่อยก็ได้บรรจุเป็นเมนูประจำ จานไหนยังทำคะแนนไม่ดีก็ตกรอบไป แต่โดยภาพรวมของร้านจะเป็นการปรุงอาหารแบบฟิวชัน 

 

EST33

 

และไหนๆ จะดีไซน์เมนูใหม่ทั้งที่ ต้องไม่ลดดีกรีความเป็นที่สุด ปลายปีที่ผ่านมา EST.33 จึงตั้งโจทย์สนุกๆ หยิบความเป็นไทยมาแต่งตัวใหม่ในคอนเซปต์ ‘Taste Of Life’ พร้อมดึง 6 สุดยอดเชฟ ได้แก่ เชฟบุ๊ค บุญสมิทธิ์, เชฟกิ๊ก กมล, เชฟเฟียส ชุณย์ณรงค์, เชฟแบล็ค ภานุภน, เชฟปิ๊ก สรมย์เวท และ เชฟตูน สายใจ มาร่วมครีเอตเมนูไทยๆ ใส่ลูกเล่นให้ดูสนุกยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าทุกเมนูต้องชูความเป็นไทยจะเล่นกับวัตถุดิบก็ดี ส่วนผสมก็ได้ หรือวิธีการทำอาหารแบบโบราณที่ชนชาติไหนก็ยากจะเลียนแบบ จะว่าไปถ้าระหว่างละเลียดรสชาติเมนูใหม่ไป มีเชฟเจ้าของเมนูมาเล่าแรงบันดาลใจในการคิดเมนูไป อรรถรสในการชิมคงเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน 

 

EST33

ทอดมัน (กุ้งและปลา) เบียร์แบทเทอร์กับทาร์ทาร์

 

เคลียร์กระเพาะให้ว่างก่อนมา นี่เป็นคำเตือนจริงจัง เพราะแค่เมนูเรียกน้ำย่อยที่ทางร้านแนะนำ ก็ต้องพักให้น้ำย่อยได้ทำงานเป็นระยะ ไล่ระดับความกลมกล่อมและความร้อนแรงด้วย 4 เมนูที่เซฟบอกว่า ควรคู่กับโต๊ะนักดื่มหรือกินเพลินๆ ก่อนเริ่มสตาร์ทมื้อหนัก เริ่มจานแรก ทอดมัน (กุ้งและปลา) เบียร์แบทเทอร์กับทาร์ทาร์ เป็นปลื้มกับรสชาติทาร์ทาร์ซอสที่ซ่อนความเค็มแบบไทยของปลาเค็มเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน เมื่อความหนุบหนับของทอดมันที่กินแบบไม่จิ้มก็ฟินลิ้น เจอกับทาร์ทาร์สูตรลับ สัญญากับตัวเองหลังเคี้ยวชิ้นสุดท้ายว่าจะกลับมากินอีกแน่นอน 

 

EST33

อกเป็ดผัดเผ็ดซ่า

 

ไต่ระดับความเผ็ดร้อนขึ้นมาอีกหน่อยกับ อกเป็ดผัดเผ็ดซ่า ความซ่าที่ได้มาจากพริกลูกโดดเป็นตัวการ ถ้าจะให้กลมกล่อมจบในคำเดียว ต้องเคี้ยวอกเป็ดนุ่มๆ กับเครื่องสมุนไพรตำละเอียด กลิ่นมะกรูดและผิวมะกรูดหอมขึ้นจมูกนักแล 

 

ถ้ารู้สึกว่าพริกลูกโดดตำละเอียดยังเผ็ดซ่าไม่พอขอ ปลากรายผัดพริกโบราณ ท้าประลองวิธีรับรสเผ็ดที่ถูกต้องคือ ตักเครื่องสมุนไพรที่ใส่ในจานกินคู่กับปลากราย ส่วนสายเขี่ย อาจได้รับรสชาติแค่ 50% เพราะของแรงอยู่ที่เครื่องสมุนไพรไทย
มะกรูด กระเทียม รากผักชี คล้ายๆ ผัดพริกกระเทียมแห้งๆ ผสมซอสสูตรพิเศษ โขลกจนเข้าเครื่อง เหนือความจัดจ้านของรสชาติ ความอร่อยยังอยู่ที่เนื้อปลากรายอย่างดี ขูดเอง นวดเอง ออกแรงตีจนได้เนื้อปลากรายที่เหนียวหนึบ อยากสัมผัสความรู้สึกเวลาปลากรายสู้ฟันเป็นอย่างไรต้องมาลอง  

 

EST33

ปลากรายผัดพริกโบราณ

 

ปรับระดับความเผ็ดลงมาก่อนจะเข้าสู่ช่วงอิ่มจริงกับ แซลมอนต้มข่า ใครที่เลิฟความขาวข้นของต้มข่าไก่จะต้องติดใจ เพราะอัปความเข้มข้นของเครื่องต้มข่าให้กลายเป็นซอสข่าไก่ จับแต่งองค์ใหม่เปลี่ยนจากไก่เป็นแซลมอนม้วนชิ้นใหญ่กินได้เต็มคำ  

EST33

แซลมอนต้มข่า

 


วอร์มน้ำย่อยได้ที่แล้ว ถึงเวลาเคลียร์จานเก่า แล้วยกอีก 4 เมนูที่เหมาะจะกินเป็นมื้อจริงจังมาเสิร์ฟ เริ่มกันที่ หมูฮ้องและหมั่นโถวอบ ถึงเนื้อหมูจะไม่ละลายในปากแต่ทำให้คนชอบกินหมูสามชั้นนุ่มๆ เด้งๆ ใจละลายทันทีที่เห็น ราดด้วยซอสสูตรลับที่ซ่อนความหวานกำลังดี ตัดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด ที่สุดของความประเสริฐ  

 

EST33 หมูฮ้องและหมั่นโถวอบ

 

เบิร์นปาก ร้อนกระเพาะกันมาหลายเมนูแล้ว เปลี่ยนมาหาอะไรร้อนๆ ซดให้คล่องคอ แนะนำ แกงเห็ดรวมใบย่านางทะเล เมนูนี้เข้มข้นกลางๆ ไม่เผ็ดโดด สารพัดผักพื้นบ้าน และกลิ่นหอมๆ ของพริกแกงชวนให้สัมผัสกลิ่นอายความเป็นไทยใกล้ยิ่งขึ้น  

 

EST33แกงเห็ดรวมใบย่านางทะเล

 


ทวิสต์อารมณ์ไปชิมเมนูชาวเหนืออย่าง ข้าวซอยเนื้อพาสต้า ที่นำมาแต่งตัวใหม่จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม แต่นั่นแค่มองภายนอก เมื่อได้ลองชิมจะรู้ว่าเนื้อแท้ของความเป็นข้าวซอยยังอยู่ครบ แค่นำมาเล่าในบริบทใหม่ ใช้เส้นเฟตตูชินีแทนเส้นข้าวซอย นำไปผัดในน้ำข้าวซอยจนรสชาติแทรกซึมเข้าเส้น ฟีเจอริงกับเนื้อน่องลายตุ๋นนาน 6 ชั่วโมง จานนี้ได้คะแนนเต็มจากสายเนื้อและสายอาหารเหนือ 

 

EST33

ข้าวซอยเนื้อพาสต้า

 

และถ้าต้องเลือกเมนูข้าวสักจานในลิสต์เมนูใหม่ ข้าวผัดปลาเค็มทรงเครื่องคะน้าฮ่องกง น่าจะถูกขานชื่อบ่อยกว่าใครเพื่อน ถึงในเมนูจะไม่ได้บอกว่าจานนี้ได้สูตรต้นตำรับมาจาก เชฟกิ๊ก กมล ร้านเลิศทิพย์ แต่ความทรงจำเรื่องรสชาติแบบไทยที่อาหารหนึ่งจานควรจะครบรส ข้าวผัดกับปลาเค็ม จึงดูเป็นมวยถูกคู่ ยิ่งได้วิธีการผัดข้าวจากสุดยอดเชฟ และเทคนิคซุกซ่อนปลาเค็มให้ติดรสชาติทุกคำที่ตัก นี่คืออีกหนึ่งเมนูไทยๆ ที่ไม่ธรรมดา  

 

 

EST33ข้าวผัดปลาเค็มทรงเครื่องคะน้าฮ่องกง

 


ยังมีเมนูไทยๆ ที่ไม่ธรรมดาอีกเยอะในลิสต์เมนูใหม่ภายใต้คอนเซปต์ “Taste Of Life” ที่อยากให้ไปลอง จะสายดื่มที่ชอบรื่นรมย์กับคราฟเบียร์ดีๆ ดนตรีเพราะๆ และอาหารเลิศรส หรือนักชิมที่เชื่อว่าอาหารคือความสำราญอย่างหนึ่งในชีวิต การทวิสต์เมนูใหม่ ใส่ลูกเล่น หยอดความสนุก แต่ยังครบถ้วนความอร่อยครบรสแบบฉบับอาหารไทยของ แถมยังไม่ทิ้งลาย ‘ดิบแต่เนี้ยบ’ ของ EST.33 ในครั้งนี้ ไม่ต้องให้คณะกรรมการเวทีไหนมาตัดสิน เราขอมอบรางวัลขวัญใจนักชิมไปเลย

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising